ดัชนี S&P 500: ราคาหุ้น กราฟ และการพยากรณ์
ดัชนีตลาดหุ้น S&P 500 เป็นดัชนีของบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 500 แห่งของสหรัฐ หนึ่งในการลงทุนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ดัชนี S&P 500 เหมาะสำหรับผู้ค้าระยะสั้นที่มีระดับความผันผวนที่เหมาะสมสำหรับการซื้อขายรายวัน เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ชอบการลงทุนที่หลากหลายซึ่งติดอันดับต้นๆ ของโลก
ดัชนี S&P 500 – S&P 500 คืออะไร?
S&P เป็นดัชนีตลาดหุ้นที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก เมื่อสื่อรายงานเกี่ยวกับ “ตลาดกำลังลง” จะหมายถึง S&P 500 และเมื่อผู้จัดการกองทุนรายงานผลประกอบการ มักจะใช้ S&P 500 เป็นตัวเปรียบเทียบ ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญอย่างมากของ S&P 500 ต่อทุกคนที่สนใจเกี่ยวกับตลาดการเงิน โดยข้างล่างนี้คุณจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความหมายของ S and P 500
ความหมายของ S&P 500
S&P 500 เป็นดัชนีอ้างอิงจากบริษัทขนาดใหญ่ 500 บริษัทที่มีรายชื่อในตลาดหุ้นสหรัฐ โดยถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 1957 และใช้ชื่อตามบริษัทการเงินที่ดูแลคือ Standard & Poor’s
ในฐานะตัวแทนของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกานั้น S&P 500 ได้แซงหน้า Dow Jones Industrial Average (รวม 30 บริษัทที่ใหญ่ที่สุด) และ NASDAQ (ดัชนีอ้างอิงของหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐ) และในระดับสากลนั้น S&P500 ถูกมองเป็นดัชนีอ้างอิงที่ชี้วัดภาพรวมเศรษฐกิจของโลกจากการที่รวมบริษัทมากมายซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นสัญชาติอเมริกา แต่เพียงแค่มีรายชื่ออยู่ในตลาดสหรัฐเท่านั้น
เป็นที่น่าสนใจว่า S and P 500 สะท้อนให้เห็นถึงมูลค่ารวมทั้งหมดเกือบ 80% ของตลาดสหรัฐ โดยจากมูลค่าทั้งหมดของ S&P นั้น มี 84.4% มาจาก NYSE, 15.5% จาก NASDAQ และ 0.1% จาก AMEX (ตลาดสหรัฐอันดับที่ 3)
ประวัติในอดีตและปัจจุบันของ S&P 500
SP500 เป็นดัชนีที่มีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบอย่างมากมายในอดีตที่ผ่านมา โดยในแต่ละปีจะมีบริษัทมากมายที่เข้าและออกจากดัชนี เช่น นับตั้งแต่เมื่อต้นปี 2021 นั้น มีหุ้นจำนวน 15 ตัวที่ถูกนำเข้ามา และ 15 ตัวที่ถูกถอดออก
ท้ายที่สุดนั้น วิกฤตการณ์สำคัญในอดีตได้ส่งผลกระทบกับ S&P 500 ในอดีต โดยมีการลดลงครั้งสำคัญทั้งหมด 3 ครั้งในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเราจะได้เห็นด้านล่างนี้ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงของราคา S&P 500 ในอดีต โดยดัชนีได้ประสบความสำเร็จในฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ทุกครั้ง
การเปลี่ยนแปลงของราคาดัชนี S&P 500
ด้านล่างนี้เราจะอธิบายและวิเคราะห์ประวัติของ S&P 500 โดยอ้างอิงจากกราฟ S&P 500 รายเดือน
กราฟ S&P 500
S&P 500 มีมูลค่าประมาณ 500 จุดในช่วงประมาณปี 1995 โดยขึ้นสูงสุดถึงราคา 1500 ในเดือนมีนาคม 2000 ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าในประมาณ 5 ปี เท่านั้น ตามที่เราได้เห็นในกราฟรายเดือนของ S&P 500 ด้านล่างนี้
วิกฤตการณ์อินเตอร์เน็ตส่งผลให้ S&P500 เข้าสู่แนวโน้มขาลง โดยร่วงลงมาที่ราคา $768 ในเดือนตุลาคม 2002 ซึ่งเป็นการตกลงครึ่งหนึ่งในเวลา 2 ปีครึ่ง
ต่อมา S&P 500 เข้าสู่ช่วงขาขึ้น 5 ปี โดยทะลุระดับแนวต้าน 1500 จุดเป็นระยะเวลาสั้นๆใน 5 ปีต่อมาในเดือนกันยายน 2007 แต่จากวิกฤตการณ์การเงินในปี 2008 ทำให้การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 5 ปีก่อนหน้าถูกลบล้างไปในปีเดียว และ S&P 500 ลดต่ำลงเหลือ 666 จุดในเดือนมีนาคม 2009
นับตั้งแต่นั้นมา S&P ได้เข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว และแม้ว่าจะเผชิญกับโควิด-19 ในระยะสั้น ซึ่งแท้จริงแล้ว S&P 500 ปรับตัวลงจากประมาณ 3400 จุดสู่ 2200 จุดในระยะเวลา 2 เดือนจากช่วงโรคระบาดคิดเป็น 35% แต่อย่างไรก็ตามหลังจากลงสู่จุดต่ำสุดในเดือนมีนาคม 2020 นั้น ดัชนี S&P 500 ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 100% และขึ้นถึงระดับสูงสุดที่ 4545 จุดในเดือนกันยายน 2021
ผลประกอบการของดัชนี S&P 500
S&P 500 ได้ให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนมาตลอดในอดีต ตัวอย่างเช่น ผลตอบแทนต่อปีของดัชนี S&P 500 นั้นติดลบเพียงแค่ 10 ปีจาก 50 ปีหลังสุด โดยค่าเฉลี่ยผลตอบแทนต่อปีของ S&P นับตั้งแต่เริ่มใช้มีค่าเท่ากับ 12% และสูงกว่า 15% เมื่อรวมเงินปันผล หรืออีกนัยหนึ่งคือ การลงทุน $1 ใน S&P 500 ปี 1970 จะเท่ากับ $182 ในปัจจุบัน
ท้ายที่สุดนั้น ควรทราบว่าในช่วงสองปีล่าสุด คือ ปี 2019 และ 2020 นั้น S&P 500 ปรับตัวสูงขึ้นถึง 28.88% และ 16.26% ตามลำดับ
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคา SP500
จากการที่ S & P 500 ถูกจัดว่าเป็นตัวชี้วัดที่ดีที่สุดสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐและทั่วโลกเป็นปัจจัยหลักสำหรับผลประกอบการราคาของ S&P500 ดังนั้นสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกที่ถูกวัดจากตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น GDP, อัตราการว่างงาน หรือ นโยบายการเงินของธนาคารกลางจะส่งผลโดยตรงต่อราคา S&P 500
และควรทราบว่า หุ้นเทคโนโลยี 3 ตัว คิดเป็น 16% ของดัชนีโดยรวม ดังนั้นแนวโน้มทางด้านสาขาเทคโนโลยีสามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อดัชนีรวมถึงข่าวที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับหุ้น 3 หุ้นนี้
บริษัทใน S&P 500
ในส่วนนี้จะเน้นไปที่การศึกษาบริษัทใน S&P 500 โดยเราจะรีวิวบริษัทที่มีน้ำหนักมากที่สุด และ การแบ่งภาคอุตสาหกรรมของดัชนี
หุ้นที่มีน้ำหนักมากที่สุดใน S&P 500
จากวิธีการคำนวณของ S&P 500 นั้นทำให้การเปลี่ยนแปลงของหุ้นบางตัวส่งผลต่อดัชนีมากกว่าหุ้นอื่นๆ โดยรายชื่อหุ้น 3 ตัวที่มีผลมากที่สุดต่อ SP500 มีดังนี้
- Apple: 6.2% ของ S&P500
- Microsoft: 5.9% ของ S&P500
- Amazon: 3.9% ของ S&P500
รายละเอียดของภาคอุตสากรรมของหุ้นใน S&P 500
เพื่อที่จะคาดการณ์ผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่สำคัญต่อ S&P 500 นั้น เป็นเรื่องจำเป็นที่จะทราบถึงรายละเอียดของภาคอุตสาหรกรรมในดัชนีหุ้น S&P:
Sector |
WEIGHT |
Energy | 2.28% |
Materials | 2.63% |
Industrials | 8.40% |
Consumer Discretionary | 12.72% |
Consumer Staples | 6.51% |
Health Care | 13.46% |
Financials | 10.44% |
Information Technology | 27.61% |
Communication Services | 10.77% |
Utilities | 2.76% |
Real Estate | 2.42% |
บริษัทใน S&P ถูกเลือกอย่างไร?
ตั้งแต่ปี 2005 นั้น มีจำนวนลอยตัวจำนวนมากที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับดัชนี โดยในความจริงนั้น บริษัทจำนวนมากใน 500 บริษัทที่มีรายชื่อนั้นมีผลกระทบต่อความแปรปรวนของดัชนีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุด 10 อันดับแรกใน SP500 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 26.6% ของดัชนี ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2021 โดยเงื่อนไขในการมีชื่อในดัชนี S&P 500 มีดังนี้
- บริษัทใน S&P 500 จะต้องตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา
- มูลค่าตลาดขั้นต่ำของบริษัทคือ $11.2 พันล้าน
- จำนวนหุ้นขั้นต่ำ 50% จะต้องเป็นหุ้นลอยตัว
- บริษัทจะต้องมีรายชื่ออยู่ในตลาดหุ้น New York Stock Exchange (NYSE) หรือ NASDAQ
- อัตรารายรับต่อปีต่อมูลค่าตลาดขั้นต่ำ 0.3
- ปริมาณการซื้อขายขั้นต่ำต่อเดือนคือ 250,000 หุ้นในแต่ละเดือนของ 6 เดือนล่าสุดก่อนทำการประเมิน
- ข้อมูลทางการเงินมีความโปร่งใส
รายชื่อหุ้นใน S&P 500
ตารางด้านล่างนี้แสดงรายชื่อหุ้นที่ใหญ่ที่สุด 30 ลำดับแรกในดัชนีหุ้น S&P 500
ดัชนี S&P 500 – Top 30 |
Ticker |
Sector |
Apple Inc. | AAPL | Technology |
Microsoft Corporation | MSFT | Technology |
Amazon.com Inc. | AMZN | Technology |
Facebook Inc. Class A | FB | Technology |
Alphabet Inc. Class A | GOOGL | Technology |
Alphabet Inc. Class C | GOOG | Technology |
Tesla Inc | TSLA | Consumer Discretionary |
NVIDIA Corporation | NVDA | Technology |
Berkshire Hathaway Inc. Class B | BRK.B | Financials |
JPMorgan Chase & Co. | JPM | Financials |
Johnson & Johnson | JNJ | Healthcare |
UnitedHealth Group Incorporated | UNH | Healthcare |
Visa Inc. Class A | V | Financials |
Home Depot Inc. | HD | Consumer Discretionary |
Procter & Gamble Company | PG | Consumer Staples |
PayPal Holdings Inc | PYPL | Technology |
Walt Disney Company | DIS | Communication Services |
Adobe Inc. | ADBE | Technology |
Mastercard Incorporated Class A | MA | Financials |
Bank of America Corp | BAC | Financials |
Comcast Corporation Class A | CMCSA | Communication Services |
Netflix Inc. | NFLX | Technology |
salesforce.com inc. | CRM | Technology |
Pfizer Inc. | PFE | Healthcare |
Thermo Fisher Scientific Inc. | TMO | Healthcare |
Cisco Systems Inc. | CSCO | Technology |
Exxon Mobil Corporation | XOM | Energy |
Verizon Communications Inc. | VZ | Communication Services |
Abbott Laboratories | ABT | Healthcare |
Intel Corporation | INTL | Technology |
รายชื่อบริษัทใน S&P นี้แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของดัชนี ซึ่งเหมาะแก่การลงทุนในระยะยาว
ควรที่จะเทรด S&P 500 หรือไม่? สิ่งที่ควรนึกถึงก่อนลงทุน
S&P 500 มีจุดเด่นที่ทำให้เหมาะสมแก่นักลงทุนทุกประเภท โดยแบ่งออกได้ดังนี้:
- ความผันผวน:ความผันผวนรายวันของดัชนี S&P 500 ทำให้นักเทรดรายวันสามารถสร้างโอกาสได้มากมายในแต่ละวัน
- ความหลากหลาย:ถือเป็นดัชนีที่มีความหลากหลายมากที่สุดในโลก โดยประกอบไปด้วย 500 บริษัทในดัชนี ทำให้สามารถรับมือกับวิกฤตต่างๆได้ดี
- การปันผล:คุณจะได้รับเงินผลจากการลงทุนใน SP500 เมื่อคุณถือ S&P 500 ETF
- เลเวอเรจ:โบรคเกอร์ออนไลน์ส่วนมาก รวมถึง ZFX นั้นให้บริการเลเวอเรจที่สูงแก่นักเทรดในการซื้อขายดัชนีหุ้น S&P 500 แบบ CFDs ซึ่งเป็นข้อดีที่สำคัญสำหรับนักเทรดรายวัน
- สามารถทำการขายได้: เมื่อทำการเทรด S&P แบบ CFDs นั้นสามารถทำการลงทุนในขาลงของ S&P 500 ได้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกับการลงทุนในขาขึ้นของ S&P 500 ดังนั้นจึงสามารถทำกำไรไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลงของ S&P
ฉันจะทำการเทรด S&P500 ได้อย่างไร?
พร้อมสำหรับการลงทุนใน SP500 แล้วใช่หรือไม่? สามารถเริ่มการเทรดได้กับโบรคเกอร์ชั้นนำอย่าง ZFX
ZFX, โบรคเกอร์ MT4 ชั้นนำระดับโลก
ZFX ก่อตั้งเมื่อปี 2018 และเป็นโบรคเกอร์ที่ปลอดภัยและได้รับการกำกับโดย FCA โดยให้บริการผ่านแพลตฟอร์มเทรด MT4 ที่ได้รับความนิยมสูง ซึ่งคุณสามารถลงทุนในสินค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่หุ้นชั้นนำจนถึงฟอเร็กซ์และดัชนี
ทำการเทรดดัชนี S&P อย่าง่ายได้อย่างไร?
ซื้อดัชนี S&P 500 กับโบรคเกอร์ ZFX อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โดยขั้นตอนการเปิดบัญชีจะทำผ่านระบบออนไลน์ทั้งหมด และ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที โดยมีขั้นตอนดังนี้
- สมัครบัญชีกับ ZFX
- ฝากเงินเข้าสู่บัญชี
- ยืนยันข้อมูลบัญชี ZFX
- เทรดดัชนี S&P 500
1 – สมัครบัญชีกับ ZFX
เริ่มต้นที่การเข้าสู่เว็บไซต์ ZFX และคลิก “เปิดบัญชี” จากนั้นจะต้องทำการกรอกข้อมูลส่วนตามฟอร์มการสมัคร ซึ่งจะมีการยืนยันผ่าน SMS
จากนั้นคลิก “ถัดไป” และทาง ZFX จะแสดงข้อมูลผู้ใช้และรหัสผ่าน MT4 และให้คุณดาวน์โหลดแพลตฟอร์ม
2 – ฝากเงินเข้าสู่บัญชี
เพื่อที่จะฝากเงินแล้ว คุณจะต้องคลิกที่ปุ่ม “ฝากเงิน” บนหน้าจอที่แสดงขึ้นมาหลังทำการสมัคร คุณจะต้องเลือกช่องทางการฝากเงิน เช่น Mastercard:
ในหน้าจอนี้ คุณจะต้องกรอกจำนวนเงินและคลิกปุ่ม “ยืนยันการฝาก” และจากนั้นคุณจะต้องกรอกข้อมูลบัตรเครดิตก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนยืนยันการชำระเงินขั้นสุดท้าย
3 – ยืนยันข้อมูลบัญชี
ท้ายที่สุดนั้น คุณจะต้องทำการยืนยันบัญชีโดยส่งเอกสารที่รองรับ
คุณจะต้องทำการอัพโหลดเอกสารมาที่เว็บไซต์ ZFX โดยตรงตามภาพด้านบน
4 – ซื้อดัชนี S&P 500
คุณสามารถทำลง S&P 500 ผ่านแพลตฟอร์ม ZFX MT4 ได้ทันที เพียงแค่เข้าสู่ระบบใน Metatrader 4 และทำตามคำแนะนำ จากนั้นเลือก SP500 และลงทุนด้วยจำนวนเงินที่ต้องการ
คำแนะนำและสิ่งที่ควรทราบก่อนทำการลงทุนใน S&P 500
ในส่วนนี้เราจะนำเสนอข้อมูลที่สำคัญและคำแนะนำที่จะช่วยให้คุณสามารถเทรด S&P ได้อย่างถูกต้องและราบรื่น
- S&P 500 เริ่มเทรดเวลา 9:30 am และปิดเวลา 4:00 pm ตามเวลาท้องถื่น ในวันจันทร์ถึงศุกร์
- อย่างไรก็ตาม คุณสามารถเทรด S&P 500 นอกเวลาการเทรดหลักด้วย S&P 500 ฟิวเจอร์ส และ SP500 CFDs
- ดัชนีหุ้นเป็นรูปแบบการเทรดที่ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้นการวิเคราะห์กราฟจึงเป็นสิ่งสำคัญในการเทรด S&P 500
- การติดตามปฎิทินเศรษฐกิจ โดยเฉพาะข้อมูลสถิติของสหรัฐเป็นสิ่งสำคัญในการวิเคราะห์ S&P 500 และคาดการณ์ความผันผวนได้อย่างถูกต้อง
- คุณสามารถเทรด S and P 500 โดยไม่มีความเสี่ยงด้วยบัญชีทดลองของโบรคเกอร์ ZFX ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการฝึกฝนก่อนที่จะเริ่มต้นทำการเทรดด้วยเงินจริง
- เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องคอยตรวจสอบราคา S&P 500 ในปัจจุบัน แม้ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนในระยะยาวก็ตาม
อนาคต, การพยากรณ์ และ การคาดการณ์ของหุ้น S&P 500
มาดูกันที่อนาคตของ S&P 500 โดยมุมมองการคาดการณ์ในหลายๆด้าน
คำแนะนำและการคาดการณ์ S&P 500 จากนักวิเคราะห์
ผลสำรวจของ CNBC จากการสอบถามธนาคารสำคัญ 15 แห่งนั้น ดัชนีหุ้น S&P ถูกคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นไปที่ระดับราคาเฉลี่ย 4,600 จุดในช่วงสิ้นปี 2021 และ สำหรับปี 2022 นั้น ธนาคารต่างๆยังคาดการณ์ในเชิงบวกมากกว่าเดิม เช่น UBS คาดการณ์ถึงราคาสูงสุดใหม่ของ S&P500 ที่ 5,000 จุด เช่นเดียวกับ Credit Suisse
อีกวิธีหนึ่งที่สามารถวิเคราะห์ความเห็นจากนักวิเคราะห์ต่อ S&P 500 คือการดูที่คำแนะนำต่อหุ้นที่มีน้ำหนักมากที่สุดในดัชนี คือ Apple, Microsoft และ Amazon
- สำหรับ Apple นั้น นักวิเคราะห์ 19 จาก 25 รายแนะนำให้ทำการซื้อ และ อีก 6 คนแนะนำให้ทำการรอ โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ย คือ $170 หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 16%
- หุ้น Microsoft ถูกมองในทิศทางบวกจากนักวิเคราะห์มืออาชีพเช่นเดียวกัน โดยนักวิเคราะห์ทั้ง 23 รายที่ติดตามหุ้นแนะนำให้ทำการซื้อ โดยเป้าหมายเฉลี่ย +12%
- หุ้น Amazon ก็ได้รับความเห็นเป็นเอกฉัณฑ์เช่นเดียวกัน โดยนักวิเคราะห์ทั้ง 31 รายแนะนำให้ทำการซื้อโดยมีเป้าหมายราคาเฉลี่ยคือ $4,220 สูงขึ้น 25% จากราคาปัจจุบัน.
การวิเคราะห์จากปัจจัยพื้นฐานของ SP500
แม้ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะเริ่มกลับสู่สภาวะปกติหลังจากการเผยแพร่วัคซีนป้องกันโรคระบาด แต่ยังคงห่างไกลจากสถานการณ์ก่อนหน้าโควิด-19
อย่างไรก็ตามตัวบ่งชี้ส่วนมากยังคงชี้ไปในทิศทางบวก และในช่วงที่เหลือของปี 2021 และ ปี 2022 อาจจะได้เห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของเศรษฐกิจสหรัฐและทั่วโลก
ในช่วงเวลาอันใกล้นี้เป็นที่น่าสนใจว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ผลตอบแทนต่อหุ้น (EPS) ว่าจะเพิ่มขึ้นกว่า 27% ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2021 สำหรับบริษัทใน S&P 500 ดังนั้นถือเป็นปัจจัยพื้นฐานอย่างหนึ่งสำหรับขาขึ้นของราคาดัชนี S&P 500
การวิเคราะห์ทางเทคนิคของ S&P 500
เห็นได้อย่างชัดเจนในกราฟรายสัปดาห์ของ S&P 500 ด้านล่างนี้ว่าแนวโน้มของดัชนี SP500 ปัจจุบันอยู่ในช่วงขาขึ้น
โดยดัชนีได้แสดงให้เห็นถึงขาลงในระยะสั้นหลังจากขึ้นสู่จุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ แต่การปรับตัวครั้งนี้มีแนวโน้มว่าจะเป็นแค่การชะลอตัวเพื่อรับการปรับตัวขึ้นครั้งใหม่ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสในการซื้อ และยิ่งกว่านั้น เราสามารถคาดการณ์ได้ว่าแนวโน้มขาขึ้นนี้จะยังคงอยู่ตราบใดที่ราคา S&P ยังรักษาระดับเหนือว่า 4100 จุด
สรุปภาพรวม: ดัชนี S&P 500 – S&P เป็นการลงทุนที่ดีในตอนนี้หรือไม่?
S&P 500 เป็นการลงทุนที่แทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐที่เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดของโลกและเป็นการเทรดที่ได้รับความนิยมมากสำหรับนักเทรดรายวันจากสภาพคล่องที่สูง, แนวโน้มที่ชัดเจน และ ความผันผวนที่เหมาะสม แต่จากประวัติผลตอบแทนของดัชนียังแสดงให้เห็นว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาวอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น อนาคตของดัชนียังคงสดใสอย่างมาก จากการกลับเข้าสู่สภาวะปกติหลังโรคระบาดจะส่งผลดีต่อดัชนีอย่างมาก และ แนวโน้มในระยะยาวของ S&P ยังคงอยู่ในสถานะขาขึ้นอย่างชัดเจนด้วยราคาสูงสุดที่ผ่านมาหากคุณต้องการเทรด S&P 500 ในตอนนี้ โบรคเกอร ZFX เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด โดยให้บริการผ่าน MT4 และมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำ รวมถึงข้อดีอื่นๆอีกมาก
ดูรายชื่อดัชนีที่ ZFX มีให้บริการ ได้ที่นี่
ดัชนี Dow 30คืออะไร? อ่านที่นี่