FAQ - เกี่ยวกับการซื้อขาย
ZFX ในฐานะโบรกเกอร์ผู้ให้บริการซื้อขายสัญญาส่วนต่าง CFDs เรานำเสนอสินทรัพย์มากกว่า 100 รายการรวมถึงฟอเร็กซ์ ดัชนีหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ (โลหะมีค่าและน้ำมันดิบ) และหุ้น ให้กับลูกค้าของเรา คุณสามารถซื้อขายทรัพย์สินทั้งหมดได้ทันทีในแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ของเราหลังจากเปิดบัญชีและทำการฝากเงิน
คำตอบ: นักลงทุนสามารถใช้แพลตฟอร์มการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่ทางบริษัทเรานำเสนอให้ซึ่งทำการเทรดตามราคาตลาดหรือ Pending Order ตลอด 24 ชั่วโมงและคุณสามารถซื้อขายผ่านทางโทรศัพท์มือถือ เช่น แอปมือถือแท็บเล็ตและอื่นๆ เป็นต้น
A: แพลตฟอร์มของเราให้บริการการซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบมืออาชีพ ลูกค้าสามารถเทรดผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีหุ้น และ CFDs เป็นต้น ซึ่งมีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และความยืดหยุ่นในการซื้อขาย
คำตอบ: ทางบริษัทเราจะเรียกเก็บมาร์จิ้นตามผลิตภัณฑ์ที่แต่งต่างกัน รูปแบบการคำนวณมาร์จิ้นจะแยกเป็นมาร์จิ้นแบบลอยตัวและมาร์จิ้นแบบคงที่ ข้อมูลมาร์จิ้นรายละเอียดของแต่ละผลิตภัณฑ์ต่าง คุณสามารถอ้างอิงที่ More Contract Specifications ในเว็บไซต์ทางการของเราได้
คำตอบ: คุณสามารถตรวจสอบเวลาซื้อขายของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้บนแพลตฟอร์มการซื้อขาย โปรดล็อกอินเข้าสู่แพลตฟอร์ม> Market Watch ด้านซ้าย> คลิกขวาที่ผลิตภัณฑ์> เลือก Specification แล้วคุณสามารถตรวจสอบเวลาซื้อขายได้
คำตอบ: เมื่อคุณล็อกอินเข้าสู่แพลตฟอร์มเสร็จแล้ว โปรดกดปุ่ม Ctrl + T บนคีย์บอร์ดของคุณค้างไว้เพื่อเปิดหน้าต่างเทอร์มินัล(Terminal) แล้วเลือกประวัติบัญชี(Account History) คลิกขวาที่ประวัติบัญชีทั้งหมด(All History)เพื่อดูประวัติการทำธุรกรรมทั้งหมด
คำตอบ: สามารถใช้ได้นะครับ/ค่ะ แพลตฟอร์มของเรารองรับ EA Expert Advisor
คำตอบ: โปรดล็อกอินเข้าสู่แพลตฟอร์มการซื้อขายของคุณ> หน้าต่าง Market Watch ด้านซ้าย> คลิกขวาที่แสดงทั้งหมด (Show All) เพื่อดูผลิตภัณฑ์การการเทรดทั้งหมด
คำตอบ: หากนักลงทุนกำลังเปิดออเดอร์ซื้อ(buy)และออเดอร์ขาย(sell)พร้อมกันที่เป็นผลิตภัณฑ์เดียวกัน จำนวนล็อตเท่ากัน ระบบจะทำการเปิดใช้งาน Hedging โดยอัตโนมัติ ไม่ว่าราคาตลาดจะขาขึ้นหรือขาลงซึ่งความเสี่ยงจะค่อนข้างต่ำ
※คำเตือน: Hedge หรือ Hedgingไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการถูกล้างพอร์ตร้อยเปอร์เซ็นต์ ยอดเงินในบัญชีอาจถูกล้างพอร์ตเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงจากค่าสเปรดระหว่างราคาซื้อกับราคาขายและค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ดังนั้นเมื่อมีการHedging นักลงทุนก็ต้องใส่ใจกับยอดเงินที่เหลือในบัญชีและมาร์จิ้นขั้นต่ำที่จำเป็นเพื่อรักษาออร์เดอร์ที่เปิดไว้ในตลาด
คำตอบ: บัญชี Mini กับบัญชี STP การทำ Hedging คู่สกุลเงินและทองคำจะคิดค่ามาร์จิ้น 0% ส่วนการทำ Hedging สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีหุ้น สกุลเงินดิจิตอลและหุ้น CFD นั้นจะคิดค่ามาร์จิ้น 10% การเปิดบัญชี ECN การทำ Hedging ของสินค้าทุกประเภทจะคิดค่ามาร์จิ้น 50%
คำตอบ: หากยอดเงินในบัญชีไม่เพียงพอแล้วก็ไม่สามารถฝากเงินได้ทันที ทำให้อัตราส่วนมาร์จิ้นของบัญชีนั้นเหลือน้อยกว่าอัตราส่วนมาร์จิ้นที่แต่ละบัญชีได้กำหนดไว้ ทางระบบจะทำการล้างพอร์ตโดยการปิดออเดอร์ที่ขาดทุนมากที่สุด สำหรับอัตราส่วนมาร์จิ้นขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับแต่ละบัญชีคือ บัญชี Mini: 20% บัญชี Standard STP: 30% และบัญชี ECN: 50%
※คำเตือน: Hedge หรือ Hedgingไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการถูกล้างพอร์ตร้อยเปอร์เซ็นต์ ยอดเงินในบัญชีอาจถูกล้างพอร์ตเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงจากค่าสเปรดระหว่างราคาซื้อกับราคาขายและค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ดังนั้นเมื่อมีการHedging นักลงทุนก็ต้องใส่ใจกับยอดเงินที่เหลือในบัญชีเพียงพอหรือไม่
คำตอบ: Stop Loss และ Take Profit หมายถึง การตั้งราคาปิดออเดอร์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าก่อนเมื่อราคาตลาดมาถึงราคาปิดออเดอร์ที่กำหนดไว้ ระบบจะปิดออเดอร์โดยอัตโนมัติ การตั้งราคา Stop Loss เพื่อหลีกเลี่ยงผลขาดทุนที่มากเกินไปและการตั้งราคา Take Profit เพื่อป้องกันกำไรที่คุณควรจะได้รับ การตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit มีความเป็นไปได้ที่จะลดการสูญเสียของออเดอร์และได้ผลกำไรสูงสุดที่คาดหวังซึ่งเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ใช้ในการบริหารความเสี่ยงด้านการลงทุนของลูกค้า โปรดอยู่ในช่อง “Terminal-Trade” คลิกขวาที่ออเดอร์ที่ต้องการตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit คลิก “Modify or Delete Order” และตั้งค่า Stop Loss หรือ Take Profit ที่คุณต้องการในหน้าต่างป๊อปอัพ
คำตอบ: ลูกค้าตั้งPending orderบนแพลตฟอร์มไม่มีวันหมดอายุจนกว่าถูกยกเลิก
ช่วงเวลาฤดูร้อน: ชำระบัญชีเมื่อเวลา 4:00 น.ของเวลาประเทศไทยตอนเช้าทุกวัน (GMT+1 21:00)
ช่วงเวลาฤดูหนาว: ชำระบัญชีเมื่อเวลา 5:00 น.ของเวลาประเทศไทยตอนเช้าทุกวัน (GMT+1 22:00)
คำตอบ: เมื่อคุณมีออเดอร์ที่กำลังเปิดอยู่ข้ามเวลาฤดูร้อน 4:00นสำหรับเวลาประเทศไทย (GMT + 1 21:00) หรือเวลาฤดูหนาว 5:00สำหรับเวลาประเทศไทย (GMT + 1 22:00) ออเดอร์ที่กำลังเปิดอยู่จะถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยค้างคืนหรือมอบให้ดอกเบี้ยค้างคืนตามผลิตภัณฑ์
คำตอบ:อัตราดอกเบี้ยของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ สามารถดูได้บนแพลตฟอร์มการซื้อขาย MT4 หลังจากล็อกอินเข้าสู่แพลตฟอร์มแล้ว คลิกขวาที่ผลิตภัณฑ์อยู่ในหน้าต่าง Market Watch ด้านซ้าย เลือก Specification เพื่อดู “Swap Long” และ “Swap Short” ซึ่งเป็น “ค่า Swap long (ออเดอร์ซื้อ)” และ “ค่า Swap short (ออเดอร์ขาย)” อัตราดอกเบี้ยข้ามคืนจะพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ยบนแพลตฟอร์ม หากอัตราดอกเบี้ยเป็นติดลบซึ่งลูกค้าจะต้องจ่ายดอกเบี้ยข้ามคืนให้แก่บริษัท ส่วนอัตราดอกเบี้ยเป็นค่าบวกซึ่งบริษัทจะต้องจ่ายดอกเบี้ยข้ามคืนให้แก่ลูกค้า
คำตอบ: ทองคำ โลหะเงิน น้ำมันดิบสหรัฐ น้ำมันดิบอังกฤษและดัชนีบางส่วน สูตรการคำนวณดอกเบี้ยข้ามคืน = จำนวนล็อต * ค่าธรรมเนียมข้ามคืนตามมาตรฐาน * จำนวนวัน
ตัวอย่างเช่น: ลูกค้ากำลังเปิดออเดอร์ซื้อทองคำ 2 ล็อตข้ามคืน ดอกเบี้ยข้ามคืน = – 5.46 USD * 2 ล็อต * 1 วัน = -10.92 USD ผลที่ได้คือค่าลบซึ่งหมายถึงลูกค้าต้องจ่าย 10.92 USD ดังนั้นดอกเบี้ยข้ามคืนจะถูกพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ยบนแพลตฟอร์ม หากอัตราดอกเบี้ยเป็นค่าติดลบซึ่งลูกค้าจะถูกเรียกเก็บดอกเบี้ย ส่วนอัตราดอกเบี้ยเป็นค่าบวกซึ่งลูกค้าจะได้รับดอกเบี้ยจากบริษัท
คำตอบ: หนึ่งสัปดาห์จะคำนวณดอกเบี้ย 7 วันตามวิธีปฏิบัติของธนาคารระหว่างประเทศ เมื่อทำการส่งคำสั่งซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์ วันที่มีการส่งมอบจะเป็นอีกสองวันถัดไป (T + 2) คิดดอกเบี้ย 1 วันในวันจันทร์ วันอังคาร วันพฤหัสบดีและวันศุกร์ ส่วนจะมีการคิดดอกเบี้ย 3 วันในวันพุธ
คำตอบ: ตามแนวทางในการปฏิบัติของธนาคารระหว่างประเทศ เมื่อทำการส่งคำสั่งซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์ วันที่มีการส่งมอบจะเป็นอีกสองวันถัดไป ตัวอย่างเช่น มีการตกลงซื้อขายกันในวันจันทร์ วันที่มีการส่งมอบจะเป็นวันพุธ
วันจันทร์: ดอกเบี้ยข้ามคืน 1 วัน หมายถึง การเปิดออเดอร์ทิ้งไว้ตั้งแต่วันจันทร์จนถึงวันอังคาร วันที่คิดบัญชีคือวันพุธถึงวันพฤหัส เพราะฉะนั้นทางระบบจะจ่าย / เก็บดอกเบี้ยเป็นจำนวน 1 วัน
วันอังคาร ดอกเบี้ยข้ามคืน 1 วัน หมายถึง การเปิดออเดอร์ทิ้งไว้ตั้งแต่วันอังคารจนถึงวันพุธ วันที่คิดบัญชีคือวันพฤหัสถึงวันศุกร์ เพราะฉะนั้นทางระบบจะจ่าย / เก็บดอกเบี้ยเป็นจำนวน 1 วัน
วันพุธ ดอกเบี้ยข้ามคืน 1 วัน หมายถึง การเปิดออเดอร์ทิ้งไว้ตั้งแต่วันพุธจนถึงวันพฤหัสบดี วันที่คิดบัญชีคือวันศุกร์ถึงวันจันทร์ เพราะฉะนั้นทางระบบจะจ่าย / เก็บดอกเบี้ยเป็นจำนวน 3 วัน
วันพฤหัส ดอกเบี้ยข้ามคืน 1 วัน หมายถึง การเปิดออเดอร์ทิ้งไว้ตั้งแต่วันพฤหัสบดีจนถึงวันศุกร์ วันที่คิดบัญชีคือวันจันทร์ถึงวันอังคาร เพราะฉะนั้นทางระบบจะจ่าย / เก็บดอกเบี้ยเป็นจำนวน 3 วัน
วันศุกร์ ดอกเบี้ยข้ามคืน 1 วัน หมายถึง การเปิดออเดอร์ทิ้งไว้ตั้งแต่วันศุกร์จนถึงวันจันทร์ วันที่คิดบัญชีคือวันอังคารถึงวันพุธ เพราะฉะนั้นทางระบบจะจ่าย / เก็บดอกเบี้ยเป็นจำนวน 1 วัน
คำตอบ: ตามแนวทางในการปฏิบัติของธนาคารระหว่างประเทศ เมื่อทำการส่งคำสั่งซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์ วันที่มีการส่งมอบจะเป็นอีกสองวันถัดไป ดอกเบี้ยค้างคืนจะคำนวณในวันส่งมอบซึ่งเปิดออเดอร์ที่ค้างไว้ในวันพุธถึงวันพฤหัสบดีและวันส่งมอบคือวันศุกร์ถึงวันจันทร์ถัดไป ดังนั้นผลิตภัณฑ์ฟอเร็กซ์ทั้งหมดจำเป็นต้องคำนวณดอกเบี้ย 3 วันสำหรับเปิดออเดอร์ที่ค้างคืนไว้ในวันพุธ ในกรณีการทำธุรกรรมสกุลเงินที่เกี่ยวข้องเจอวันหยุดที่สำคัญสำหรับประเทศนั้นจะถูกคำนวณดอกเบี้ยข้ามคืนในวันหยุดเช่นกัน
คำตอบ: ใช่ ทางบริษัทเราจะคำนวณดอกเบี้ยข้ามคืนแม้ว่าคำสั่งซื้อขายของท่านจะถูกดำเนินการ Hedging อยู่หรือก็ตาม
คำตอบ: ดอกเบี้ยข้ามคืนจะถูกชำระในช่วงเวลาฤดูร้อน 04.00น (GMT+1 22:00) ต่อวันหรือในช่วงเวลาฤดูหนาว 5:00 (GMT+1 23:00) ต่อวันและจะปรากฏในช่อง “Swap” ในแพลตฟอร์มซื้อขาย MT4 และจะส่งผลกระทบต่อปริมาณ “Equity” ของบัญชีพร้อมกันและหลังจากออเดอร์ถูกปิด ค่า Swap จะถูกเพิ่มหรือหักออกจาก”Balance” ในบัญชี
คำตอบ: เมื่อมีการเทรดผลิตภัณฑ์ดัชนีหุ้นแบบ Spot (CFD)ท่านลูกค้าจำเป็นต้องรู้ว่าผู้ถือหุ้นเป็นส่วนประกอบในดัชนีหุ้นนั้นมีการจ่ายเงินปันผลและมีการชำระบัญชีเมื่อตลาดปิด (แพลตฟอร์มการซื้อขาย MT4 / เวลาของเซิร์ฟเวอร์) สำหรับออเดอร์ที่เปิดอยู่ในบัญชีเทรดของท่านลูกค้าหลังจากหักภาษีที่สอดคล้องจะมีการเก็บหรือการจ่าย (หมายเหตุ: ดัชนีหุ้นCFDแบบฟิวเจอร์สไม่อยู่ในหลักเกณฑ์สำหรับเงินปันผลนี้)
คำตอบ:
การคำนวณรายได้จากเงินปันผลสำหรับออเดอร์ซื้อของดัชนีหุ้นมีดังนี้:
รายได้จากเงินปันผล = เงินปันผลจากหุ้นที่เป็นองค์ประกอบในดัชนี (ตามทุกสัญญา) × จำนวนล็อต × ขนาดสัญญา
การคำนวณการจ่ายเงินปันผลสำหรับออเดอร์ขายของดัชนีหุ้นคำนวณมีดังนี้:
การจ่ายเงินปันผล = เงินปันผลจากหุ้นที่เป็นองค์ประกอบในดัชนี (ตามทุกสัญญา) × จำนวนล็อต × ขนาดสัญญา
คำตอบ: สมมติว่าลูกค้าบัญชี STP มีการเปิดออเดอร์ซื้อ HK50 0.01 ล็อตในวันที่ 9/24 และเปิดออเดอร์ค้างไว้จงผ่านตลาดปิดสำหรับ HK50 ในวันนั้น เนื่องจากวันที่มอบให้เงินปันผลคือ 9/25 จึงจำเป็นต้องอ้างอิงข้อมูลวันที่ 9/25 จากประกาศของเว็บไซต์ทางการ สมมติว่าข้อมูลเงินปันผลจากหุ้นที่เป็นองค์ประกอบในดัชนีในวันนั้นคือ 1.214 วิธีการคำนวณมีดังนี้:
1.214 (เงินปันผลจากหุ้นที่เป็นองค์ประกอบในดัชนี) × 0.01 (จำนวนล็อต) × 50 (ขนาดสัญญา) = 0.607 ดอลลาร์ฮ่องกง สมมติว่าอัตราแลกเปลี่ยนคือ 7.8381 ซึ่งจะกลายเป็น 0.077 ดอลลาร์สหรัฐ การปัดเศษเป็น 0.08 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากลูกค้าเปิดออเดอร์ซื้อ ดังนั้นลูกค้าจะได้รับเงินปันผล 0.08 ดอลลาร์สหรัฐ