การประชุมที่สร้างสรรค์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ ฮาวาย ได้ช่วยพลิกฟื้นให้ดัชนีหุ้นสหรัฐฯดีดกลับขึ้นบ้างหลังรูดลงจากความกังวลเรื่องตัวเลขผู้ติดเชื้อฯในบางรัฐของสหรัฐฯที่ก้าวกระโดดขึ้น โดยช่วยส่งให้ค่าเงิน USD/CNH ปรับลง

สรุปภาพรวมตลาดวานนี้
ดัชนีหุ้นสหรัฐฯและ $ ปรับลงเล็กน้อยหลังข่าวจากทาง IMF ตามด้วยการปรับขึ้นอีกระลอกจากความคาดหวังในเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นจากการปลดล็อคคลายล็อค โดยตัวเลขสหรัฐฯได้ถูกคาดการณ์ว่าจะกระเตื้องขึ้นจากเดือนก่อนหน้า แต่เมื่อเข้าสู่ตลาดอเมริกา ตัวเลขได้ออกมาค่อนข้างกั๊ก กล่าวคือ ต่ำกว่าการคาดการณ์แต่สูงกว่าเดิม ตลาดได้นิ่งคิดอยู่สักพักก่อนลงมือทุบดัชนีหุ้นสหรัฐฯ กลับลงมาหลังได้ขึ้นไปรับข่าวบวกแล้ว แต่ข่าวบวกดังกล่าวไม่ได้น่าประทับใจเท่าไหร่ การณุดลงของดัชนีหุ้นสหรัฐฯได้ช่วยพลิกฟื้นราคาทองคำอีกครั้งหลังได้รูดหลุดแนวรับที่บริเวณเส้น 200 ลงมา โดยในยามขาลงของดัชนีหุ้นสหรัฐฯแน่นอนก็จะมีข่าวประมาณว่า กังวลเกี่ยวกับการกระโดดขึ้นของตัวเลขผู้ติดเชื้อฯในบางรัฐฯ ในสหรัฐฯ ในยามดีขาขึ้นก็จะเป็นข่าวความคาดหวังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากการปลดล็อคคลายล็อคนั่นเอง ส่วนจะมีข่าวใหม่อะไรออกมาก็จะต้องพิจารณาว่าโน้มเอียงไปทางด้านไหนระหว่างสองข่าวดังกล่าวไปเบื้องต้นนั่นเอง

สรุปภาพรวมตลาดในวันนี้

ส่วนในวันนี้เริ่มต้นกันไม่ค่อยดีนักสำหรับตลาดหุ้น โดยรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อในบางรัฐฯของสหรัฐฯยังคงก้าวกระโดด อาทิเช่น ในรัฐ Arizona และ Texas เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ยังไม่ถึงฆาตโดยยังคงสามารถยืนเหนือบริเวณโลสำคัญของวันที่ 16 ที่ผ่านมาพร้อมกับยังคงสามารถยืนปิดเหนือเส้น 100 ได้ และอัศวินตัวน้อยก็ปรากฏออกมา โดยมีรายงานความสร้างสรรค์ของการประชุมระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ ฮาวาย โดยทั้งสองฝ่ายได้ออกมาให้ถ้อยแถลงในเชิงบวก ถือเป็นการลดความวิตกกังวลของตลาดลง หลังความตึงเครียดนะหว่างกันในช่วงที่ผ่านมา(การเมือง) ซึ่งส่งให้ดัชนีหุ้นสหรัฐฯพลิกฟื้นขึ้นไปอีกครั้ง ในขณะที่ไม่ควรลืมว่า คืนนี้ก็จะมีการประกาศตัวดลขสหรัฐฯที่สำคัญ กล่าวคือ ตัวเลขรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ในสหรัฐฯซึ่งเหมือนเดิมโดยถูกคาดการการณ์ว่า จะเพิ่มลดลงต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าคงยังไม่มีใครทราบผลของตัวเลขล่วงหน้าได้ โดยวันนี้ก็จะมีการประชุมธนาคารกลางทั้งในสวิสเซอร์แลนด์และอังกฤษ โดยคงต้องดูว่าทางอังกฤษจะมีการเพิ่มวงเงิน QE หรือไม่ ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยฯถูกคาดการณ์ว่าจะยังคงที่ที่ระดับ -0.75% และ 0.10% ตามลำดับ