การรายงานผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯยังคงก้าวกระโดดไม่เลิก และส่งให้บางรัฐเช่น เท็กซัสกับฟลอริดามีการชะงักการผ่อนคลายหรือคลายล็อคต่อเนื่องลง แต่หุ้นในกลุ่มธนาคารที่ปรับขึ้นจากการผ่อนปรนกฏระเบียบบางประการได้ช่วยหนุนดัชนีหุ้นสหรัฐฯในช่วงท้ายตลาด

สรุปภาพรวมตลาดวานนี้
เริ่มต้นกันด้วยข่าวลบต่อเนื่องจากรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโคโรน่าไวรัสที่ก้าวกระโดดขึ้นอย่ามากในสหรัฐฯ โดยได้กดดันดัชนีหุ้นสหรัฐฯในช่วงต้นของตลาด ขณะที่ค่าเงิน $ ยังได้อานิสงส์ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำเล็กๆ เข้าสู่ตลาดอเมริกา ตัวเลขสหรัฐฯได้ออกมาค่อนข้างผสม แต่โดยภาพรวมถือว่าค่อนไปทางบวก และช่วยหนุนดัชนีหุ้นสหรัฐฯไว้ได้บ้างหลังเกิดสัญญาณภาพลวกเล็กๆทางเทคนิค กล่าวคือ Bullish Divergence และการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารจากการเก็งกำไรก่อนหน้าการประกาศของทางเฟดในผลของการตรวจสอบความแข็งแกร่งของธนาคารพาณิชย์ต่างๆในสหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้าได้มีการแถลงจากทางคณะกรรมการประกันเงินฝาก ซึ่งได้มีการผ่อนปรนเงื่อนไขต่างๆให้กับบรรดาธนาคารพาณิชย์ ซึ่งถือเป็นข่าวบวกกับบรรดาหุ้นกลุ่มธนาคารนั่นเอง โดยช่วงท้ายตลาดดัชนีหุ้นสหรัฐฯก็ได้ทะยานขึ้นจากข่าวดังกล่าวและก่อนหน้าการแถลงจากเฟด อย่างไรก็ดีหลังการปิดตลาด เฟดได้ออกมาตรการที่เข้มงวดขึ้นต่อธนาคารพาณิชย์ ซึ่งพบว่ามีบางธนาคารมีสถานะทางการเงินที่เฉียดฉิวจากผลกระทบของการแพร่ระบาดรุนแรงของ COVID-19 ซึ่งได้ส่งให้ราคาหุ้นของหลายธนาคารที่ได้ปรับขึ้นไปก่อนหน้าข่าวนี้มีการปรับรูดลงหลังตลาดปิดทำการ อาทิเช่น Wells Fargo,Goldman Sachs และ JPMorgan Chase เป็นต้น การปรับถอยลงของค่าเงิน $ ได้ช่วยหนุนราคาทองคำให้ยังคงยืนเหนือกรอบแนวรับได้ และมีการดีดกลับขึ้นในลักษณะของการเคลื่อนไหวออกด้านข้าง เป็นการพักตัวทางเทคนิคนั่นเอง

ส่วนในวันนี้ ข่าวการเข้มงวดขึ้นต่อบรรดาธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐฯจากเฟด และความกังวลเกี่ยวกับยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯที่ยังไม่ยอมลดราวาศอก ถือเป็นปะจจัยกดดันดัชนีหุ้นสหรัฐฯ บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นอานิสงส์ต่อ $ เท่าไหร่จากข่าวดังกล่าว ส่งให้เป็นปัจจัยหนุนราคาทอง โดยเฉพาะในวันศุกร์เช่นนี้ โดยมุมมองเชิงบวกของประธานธนาคารกลางยูโรโซนหรือ ECB ได้ช่วยหนุนค่าเงิน EUR/USD ด้วย โดยคืนนี้ก็จะมีการประกาศตัวเลขสหรัฐฯให้ติดตามกันหลายตัวพอสมควร ซึ่งการคาดการณ์ถือว่าค่อนข้างผสม และอาจไม่/ด้ส่งผลต่อตลาดมากนักหรืออย่างมีนัยสำคัญ ยกเว้นจะออกไปจากการคาดการณ์พอสมควร โดยนักลงทุนน่าจะชั่งน้ำหนักการลงทุนไปที่เรื่องของ COVID-19 เป็นหลักประกอบกับการซื้อขายทางเทคนิค