ความคาดหวังที่ร่างแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะผ่านความเห็นชอบของสภาในที่สุดได้ส่งให้ดัชนีหุ้นสหรัฐฯทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งและมากสุดนับตั้งแต่ปี 1933
สรุปภาพรวมตลาดวานนี้
ในขณะที่ตลาดและนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่ตลาดหุ้นหรือดัชนีหุ้นสหรัฐฯ กลับได้ปรับขึ้นและขึ้นมากสุดในหนึ่งวันนับตั้งแต่ปี 1933 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดหวังว่าร่างแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯจะผ่านความเห็นชอบของสภาฯ ประกอบกับยาแรงของเฟดได้ช่วยคลายคลามวิตกเรื่องสภาพคล่องฯ รวมไปถึงข่าวที่ทางสหรัฐฯกับซาอุฯจะมีความร่วมมือกันเพื่อพยุงราคาน้ำมันดิบหลังสงครามราคาระหว่างซาอุฯ กับรัสเซีย ถึงแม้ข่าวนี้ยังขาดความเป็นรูปธรรม การเคลื่อนไหวของตชาดดูเหมือนจะเป็นไปอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย โดยภาพรวมทั้งดัชนีหุ้นสหรัฐฯ USD/JPY และราคาทองคำล้วนปรับขึ้น ซึ่งก็ไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่ดูปรกติเท่าไหร่ แต่ในสถานการณ์วิกฤติปัจจุบันนี้ก็ไม่ใช่วิกฤติที่ได้เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์เช่นกัน สาเหตุหนึ่งอาจมาจากความรู้สึกอารมณ์ของตลาดที่ค่อนข้างหวั่นไหว ซึ่งเราจะได้เจอทั้งคำว่า Panic และ Emotional Trade อย่างไรก็ดี ก็ไม่ได้หมายความว่า ไม่สามารถเข้าลงทุนได้ เพียงแต่ด้วยความระมัดระวังเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทวงคืนจากสเปรดในการซื้อขายทองคำที่กว้างมากเกินปรกติ โดยถูกอ้างกันว่า เป็นเพราะตลาดที่มีสภาพคล่องน้อยมากหรือเขาใช้คำว่า Extremely low liquidity โดยในรายละเอียดยิ่งทำให้น่าสงสัย แต่ส่วนตัวไม่ได้สงสัยอะไร โดยส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปรกตินี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานหลังวันก่อนหน้าที่ราคาทองก้าวทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากข่าวเฟดและได้เกิดการแตกหักทางด้านบนหรือที่เรียกกันว่า Upside Breakout และถือเป็นการกลับตัวจากทางด้านล่างด้วย จึงทวีกำลังมากขึ้น จึงต้องตามทวงคืนในวันถัดไป
สรุปภาพรวมตลาดวันนี้
ส่วนในวันนี้ ดัชนีหุ้นสหรัฐฯได้มีการปรับลงก่อนในช่วงต้นตลาด และหลังจากการฝนแป่กสักพัก ก็มีการดีดขึ้นอีกระลอกซึ่งก็ถือเป็นปรากฏการณ์ทางเทคนิคที่ไม่น่าแปลกใจอะไร และยังคงได้ข่าวช่วยหนุนว่าทางทำเนียบขาวกับสภาฯได้บรรลุข้อตกลงกันได้ เรื่องอย่างนี้ก็ได้บอกกันไปแล้ว ว่าเป็นการเมือง ในกรณีนี้ก็คือ เกมส์การเมืองเพื่อช่วงชิงคะแนนเสียง แต่ทางด้านทองคำนั้นต่าง โดยราคาทองคำได้ขึ้นถือเป็นวันที่สามแล้ว อีกอย่างได้ปรับขึ้นก่อนทำนิวไฮแล้วด้วย ส่วนในวันนี้ก็จะยังมีการประกาศตัวเลขสหรัฐฯกล่าวคือ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนฯซึ่งถูกคาดการณ์ว่าจะอ่อนแอลง แต่ตลาดก็น่าจะซึมซับไปบ้างแล้ว โดยคงมุ่งความสนใจไปที่การโหวตในสภาสูงอีกครั้งว่าจะผ่านหรือไม่หลังมีข่าวหนุนออกมาดังที่ได้แจ้งให้ทราบแล้วข้างต้น
นาย ธนพล แสงรังษี