ทรัมป์ทำตัวเป็นคนกลาง และอ้างว่าได้พูดคุยกับทั้งซาอุฯและรัสเซีย แถมคาดว่าทั้งสองฝ่ายจะมีการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันฯลงถึง 10ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งได้ส่งให้ราคาน้ำมันดิบฯทะยานขึ้นมากสุดในหนึ่งวันเป็นประวัติการณ์
สรุปภาพรวมตลาดวานนี้
ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเหนือเส้น 200 โดยได้รับข่าวหนุนจากการทรัมป์เหมือนจะออกมาปฏิเสธข่าวที่ได้รายงานจากสื่อค่าย Bloomberg (ขาปั่น)โดยเขาบอกว่าไม่รู้และไม่ได้รับรายงาน ข่าวดีหนุนเพิ่มจากที่ปรึกษาสาธารณสุขประจำทำเนียบขาวถึงความคืบหน้าทางด้านวัคซีน ส่วนทางด้านราคาน้ำมันฯ ได้ข่าวหนุนจากทรัมป์โดยเชื่อว่า ซาอุฯกับรัสเซียจะกลับมาคุยกันเพื่อยุติสงครามราคาน้ำมันฯภายในสองสามวัน บวกกับทางซาอุฯ และรัสเซียก็ได้มีท่าทีที่ผ่อนคลายลง เข้าสู่ตลาดอเมริกา ตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ในสหรัฐฯ ได้ออกมาสูงกว่าการคาดการณ์อย่างมากหรือเกือบดับเบิ้ล และได้ส่งให้ดัชนีหุ้นสหรัฐฯปรับลงและหลุดเส้น200ลงมาในขณะที่ราคาทองคำปรับขึ้นทะลุแนวต้านเมืองหน้าด่านที่บริเวณ 1600 ขึ้นไป อย่างไรก็ดี ทรัมป์ยังคงกัดไม่เลิก กล่าวคือ พยายามจะพยุงราคาน้ำมันฯ เหมือนมีโพสิชั่นซื้ออยู่ยังไงไม่ทราบ หลังราคาน้ำมันดิบมีสัญญาณที่จะปรับลง โดยเขาในฐานะตัวกลางได้บอกกับสื่อค่าย CNBC ว่าเขาได้พูดคุยกับทั้งเจ้าชายของซาอุฯ และปูติน และคาดว่า ทั้งสองจะร่วมมือกันและปรับลดกำลังการผลิตลงถึง 10 ล้านบาร์เรลต่อวันหรือถึง 15 ล้านบาร์เรลต่อวันด้วยซ้ำ ซึ่งแน่นอนจากข่าวนี้ ย่อมส่งให้ราคาน้ำมันดิบฯทะยานขึ้นทันที ถึงแม้ทรัมป์จะไม่ได้รายละเอียดอะไรที่ชัดเจน โดยช่วยหนุนดัชนีหุ้นสหรัฐฯด้วยให้พลิกฟื้นกลับขึ้นไปอีกครั้ง โดยไม่ได้มีผลต่อราคาทองเท่าไหร่นักหลังได้ทะลุแนวต้านเมืองหน้าด่านที่บริเวณ 1600 ขึ้นไปแล้ว หลังจากนั้นตลาดก็เคลื่อนไหวในลักษณะสับขึ้นลง โดยดัชนีหุ้นสหรัฐฯะราคาน้ำมันดิบฯมีการปรับลงมาบ้าง หลังทรัมป์เปรยว่าสหรัฐฯ ไม่ได้ยื่นข้อเสนอในการปรับลดกำลังการผลิตฯ ด้วย (เอ้า)
สรุปภาพรวมตลาดวันนี้
ส่วนในวันนี้ รายงานผู้ติดเชื้อฯและเสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้นแบบยังไม่เห็นสัญญาณแผ่วลง และเป็นไปตามการคาดเดาได้ไม่ยากนัก ดังที่ได้บอกไปเมื่อวาน โดยมีผู้ติดเชื้อฯขึ้นสู่หลักล้านแล้ว (1,016,000คน) และมีผู้เสียชีวิตทะลุครึ่งแสน (53,100คน) โดยคืนนี้จะมีการประกาศตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯซึ่งปรกติถือเป็นตัวเลขที่ทรงอิทธิพลต่อตลาดมากเป็นอันดับต้นๆ โดยถูกคาดว่าจะลดลง และเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10ปี อย่างไรก็ดี ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐที่ได้ออกมาก่อนหน้านี้ไม่ได้อ่อนแอมากดังที่นักเศรษฐศาสตร์ทั้งหลายคาดการณ์กัน จึงน่าติดตามอย่างมาก ถึงแม้โอกาสของการเข้าลงทุนอาจมีไม่มากนัก โดยตลาดได้เก็งกำไรกันไปแล้ว ยกเว้นมีอะไรพลิกๆ
นาย ธนพล แสงรังษี