ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เปรยจะเข้าแทรกแซงตลาดน่ำมันฯได้ช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทะยานขึ้นกว่า 20%
สรุปภาพรวมตลาดวานนี้
มาตรการจากทางธนาคารกลางสำคัญๆของโลกที่ได้ทยอยออกกันมา แสดงถึงความเอาจริงเอาจังและเป็นห่วงใยต่อผลกระทบของโลกจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ประกอบกับมาตรการจากทางภาครัฐฯด้วย ซึ่งรวมไปถึงการใช้ยาแรง กล่าวคือ การปิดเมือง ปิดประเทศ เพื่อสะกัดการแพร่ระบาดฯ ซึ่งถือว่าย่อมกระทบต่อเศรษฐกิจมากขึ้น แต่อาจถือเป็นวิธีการที่ถูกต้อง ดังที่ได้ให้ความเห็นไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยเมื่อวานตัวเลขสหรัฐฯได้ออกมาอ่อนแอกว่าการคาดการณ์มาก แต่ก็เป็นเรื่องที่นักลงทุนไม่ร่าจะประหลาดใจอะไรมากนัก เพราะเป็นตัวเลขที่เริ่มสะท้อนผลกระทบของเจ้าไวรัสตัวร้ายนี้ โดยทางธนาคารกลางอังกฤษได้ออกมาผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มขึ้นอีก โดยได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาอยู่ที่ระดับ 0.1% และได้เพิ่มวงเงิน QE ขึ้นอีกเป็นวงเงิน 645 B Pound ซึ่งได้กดดันให้มีแรงเทขายปอนด์ลงมาอีก แต่ก็ถือเป็นข่าวดี ข่าวบวก และที่น่าสังเกตุและถือเป็นสัญญาณภาพบวกเพิ่มด้วย คือ การที่ไม่เห็นการลงมาทำนิวโลอีกของดัชนีหุ้นสหรัฐฯเมื่อวาน โดยได้รูปแบบบวกเล็กๆจากภาพ Triangle Bottom บนกราฟรายชั่วโมงของ Dow30 ข่าวบวกตามมาหนุนต่อเนื่อง โดยทรัมป์ได้เปรยที่จะเข้าแทรกแซงตลาดน้ำมันฯ ซึ่งช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันดิบฯทะยานขึ้นถึงมากกว่า 20% ในขณะที่ราคาทองเริ่มลงยากโดยมีการสลับขึ้น สลับลงแทบทั้งวัน แต่ตอนที่สลับขึ้นน่ะแข็งแกร่งกว่าตอนที่สลับลง ซึ่งก็ถือเป็นสัญญาณภาพบวกเช่นกัน
สรุปภาพรวมตลาดวันนี้
ส่วนในวันนี้เริ่มต้นกันด้วยการที่ทางธนาคารกลางของจีนหรือ PBOC ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือ LPR ไว้ที่ระดับ 4.05% ซึ่งได้ส่งให้ค่าเงิน USD/CNH รูดลงอย่างแรง และเป็นอานิสงส์ต่อค่าเงินอื่นๆเมื่อเทียบกับ $ ด้วย โดยวันนี้ดูจะเป็นวันที่ค่าเงิน $ ถูกเทขายแบบทั้งกระดาน โดยทางจีนนั้นก็มีข่าวดีเพิ่มหลังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มในเมืองอู่ฮั่น ต้นตอการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า และคืนนี้ก็จะมีการประกาศตัวเลขสหรัฐฯอีก กล่าวคือ ยอดขายบ้านเก่า ซึ่งถูกคาดการณ์ว่า จะเพิ่มขึ้นมากกว่าในเดือนก่อนหน้าเล็กน้อย โดยบรรยากาศของการลงทุนโดยรวม โดยเฉพาะในตลาดหุ้นน่าจะดีขึ้น จากทั้งภาพทางปัจจัยพื้นฐานฯและปัจจัยทางเทคนิค
นาย ธนพลแสงรังษี