มาถึงโฟกัสหลักของสัปดาห์นี้ เริ่มต้นที่การประกาศตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาสแรกของสหรัฐฯ ตามด้วยผลของการประชุมเฟด
สรุปภาพรวมตลาดวานนี้
การรูดลงต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบในช่วงต้นตลาด จากเหตุผลต่างๆ ดังได้กล่าวไว้แล้วในบทความเมื่อวาน ได้กดดันให้มีแรงเทขายทองลงมาและได้หลุดกรอบแนวรับสำคัญทางเทคนิคลงมาด้วย ในขณะที่ดัชนีหุ้นสหรัฐฯยังคงทะยานขึ้นต่อจากความคาดหวังที่เศรษฐกิจโลกจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งจากการเริ่มทยอยปลดล็อกประเทศ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่ดีดกลับขึ้นอย่างค่อนข้างแข็งแกร่งหลังเข้าทดสอบแนวรับจิตวิทยาที่บริเวณ $10 ได้ช่วยหนุนราคาทองให้พลิกฟื้นกลับขึ้นไปได้ โดยตลาดเริ่มมีการเหวี่ยงค่อนข้างมากในหลายๆ โปรดักส์และล้วนเกี่ยวข้องต่อกันทั้งนั้น (หลักสูตรขั้นซุปเปอร์แอดวานช์) โดยดัชนีหุ้นสหรัฐฯได้พบแรงเทขายกลับลงมาหลังขึ้นไปทำนิวไฮของขาขึ้นรอบนี้ โดยถูกกดดันด้วยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต่างๆซึ่งกำลังจะทยอยประกาศผลประกอบการ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นลักษณะของการเทขายทำกำไรโดยทั่วไปเมื่อราราได้ขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ และมักมีชาวไล่ที่นิยมของสูงและอากาศที่หนาวเย็นเข้าซื้อ โดยการปรับลงถูกอ้างเพิ่มด้วยว่า เกิดจากตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐฯซึ่งได้ออกมาต่ำกว่าการคาดการณ์เล็กน้อย (แต่ก็ต่ำกว่าเดิมมากจากพิษของCOVID-19 นั่นเอง) โดย$ได้อานิสงส์จากการนี้ ทั้งหมดนี้สามารถสังเกตุความสัมพันธ์ของโปรดักส์ต่างๆ ได้ไม่ยากนัก
สรุปภาพรวมตลาดในวันนี้
ส่วนในวันนี้ โดยคำพูดคล้ายคำมั่นของทรัมป์แต่เช้าว่า สหรัฐฯ จะสามารถตรวจเช็คโรคฯ ได้ถึง 5 ล้านคนต่อวันในเร็วๆ มากนี้ ได้ส่งผลบวกต่อดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งพร้อมจะขึ้นจากข่าวบวกแม้เพียงเล็กๆจากภาพทางเทคนิคที่เกื้อหนุน โดยถือเป็นปัจจัยลบกดดัน $ โดยรวม ส่วนราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นต่อจากเมื่อวาน ก็ถือเป็นปัจจัยหนุนดัชนีหุ้นฯด้วย และช่วยพยุงราคาทองคำ (ถ้าไม่ทราบเรื่องความสัมพันธ์ของแต่ละโปรดักส์ที่สำคัญๆ คงยากพอสมควรที่จะเข้าใจบทความอย่างสมบูรณ์) โดยวันนี้ถือว่าเป็นวันหลักของสัปดาห์นี้โดยจะมีการประกาศตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาสแรกของสหรัฐฯซึ่งแน่นอนถูกคาดการณ์ว่าจะอ่อนแอลงอย่างมากหรือติดลบ และถือเป็นการติดลบครั้งแรกนับตั้งแต่หลังวิกฤติซัปไพร์มในปี 2008 เป็นต้นมา ตบท้ายด้วยผลการประชุมเฟดซึ่งถูกคาดการณ์กันอย่างท่วมท้นว่า เฟดคงไม่มีการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยนโยบายแต่อย่างใด โดยตลาดคงมุ่งไปที่ถ้อยแถลงของนาย Powell ถึงแนวโน้มและทิศทางนโยบายของเฟดต่อไป ซึ่งตรงนี้แหล่ะ อาจส่งผลต่อทิศทางของตลาดอย่างน้อยในระยะสั้นๆได้
นาย ธนพล แสงรังษี