รายงานผู้ติดเชื้อแบบก้าวกระโดดในสหรัฐฯ การปรับลดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกและสหรัฐฯ ลงอีกจากค่าย IMF และผลสำรวจคะแนนนิยมของนาย Biden ซึ่งได้แซงหน้านายทรัมป์ไปค่อนข้างมาก (50:36) ได้กดดันดัชนีหุ้นสหรัฐฯ และหนุนค่าเงิน $
สรุปภาพรวมตลาดวานนี้
การเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อโคโรน่าไวรัสในบางรัฐในสหรัฐฯ รวมถึงตัวเลขที่ก้าวกระโดดในเยอรมนีได้กดดันบรรยากาศการลงทุนโดยรวม (ตลาดหุ้น) โดยที่ไม่มีตารางการประกาศตัวเลขสหรัฐที่สำคัญมาช่วยหนุน จึงทำให้หมีดูได้เปรียบกระทิงในศึกเมื่อวานนั่นเอง ข่าวลบเข้าซ้ำอีกในช่วงต้นตลาดอเมริกา โดยทาง IMF ได้ออกมาลดการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกลงอีกครั้งถึงแม้จะมีข่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยได้ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกลงจาก -3.0% เป็น -4.9% ในปี 2020 และที่สำคัญคือ ได้ปรับลดในส่วนของสหรัฐฯลงจาก -5.9% เป็น -8.0% และอื่นๆอีกมากมาย โดยได้แสดงความกังวลต่อระดับหนี้ที่ปรับสูงขึ้นอย่างมากในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ด้วยซึ่งได้ส่งให้มีแรงเทขายดัชนีหุ้นสหรัฐฯลงค่อนข้างแรง ข่าวซ้ำเพิ่มเติมมาจากทางด้านน้ำมัน โดยตัวเลขสต๊อกน้ำมันฯยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและมากกว่าการคาดการณ์ซึ่งได้กดดันราคาน้ำมันดิบฯโดยกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงานด้วย ดูเหมือนจะเป็นวันที่แย่มากสำหรับกระทิง โดยแทบไม่มีข่าวดีข่าวบวกอะไรออกมาช่วยเลย ข่าวจากโพลล์ที่ล่าสุดนาย Biden ได้มีคะแนนนิยมนำนายทรัมป์ (50:36)ได้กดดันตลาดหุ้นอีก รวมถึงรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อที่พุ่งขึ้นอีกเป็นประวัติการณ์ในรอบหนึ่งวันในทั้งรัฐฯแคลิฟอร์เนียและฟลอริดา ยังไม่เพียงพอ ทางด้านรัฐฯนิวยอร์ค นิวเจอร์ซีย์และคอนเนคติกัต ยังได้กำหนดให้รัฐฯต่างๆที่มีการแพร่ระบาดรุนแรงต้องมีการกักตัวไว้ 14 วันถ้าจะเข้ามาในรัฐฯ โดยการรูดลงที่ค่อนแรงของดัชนีหุ้นสหรัฐฯได้ช่วยหนุนค่าเงิน $ และกดดันให้มีแรงเทขายทำกำไรในทองคำออกมาดังที่ได้ให้ข่าวไปแล้วเมื่อวาน
สรุปภาพรวมตลาดในวันนี้
ส่วนในวันนี้ ข่าวลบยังคงตามมาราวีไม่เลิก กล่าวคือ ทางด้านดิสนีย์แลนด์ได้ประกาศเลื่อนการเปิดในแคลิฟอร์เนียออกไปอีกเนื่องจากการแพร่ระบาดรุนแรงอีกครั้งในรัฐฯ ตามด้วยรายงานตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯซึ่งได้ก้าวกระโดดทำสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่วันที่ 26 เดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยส่งให้มีแรงขายดัชนีหุ้นสหรัฐฯออกมาอีกและได้กระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกไปด้วย อย่างไรก็ดี วันนี้จะมีการประกาศตัวเลขสหรัฐที่สำคัญหลายตัวด้วยกัน และโดยภาพรวมถูกคาดการณ์ไว้ดีขึ้น จึงอาจช่วยหนุนดัชนีหุ้นสหรัฐฯไว้ได้บ้างไม่มากก็น้อย ยกเว้นจะออกมาพลิกไปจากการคาดการณ์ในมุมลบ