สถานการณ์การแพร่ระบาดที่รุนแรงขึ้นในหลายๆประเทศ เช่น อิตาลีและสหรัฐฯ เป็นต้น บวกร่างแผนการกระตุ้นที่ยังคงไม่ผ่านสภาสูงของสหรัฐฯ ได้กดดันตลาดหุ้นหรือดัชนีหุ้นสหรัฐฯอีกครั้ง โดยได้กดดันตลาดหุ้นอื่นๆทั้งในเอเชียอีกด้วย
สรุปภาพรวมตลาดวันศุกร์ที่ผ่านมา
ทางธนาคารกลางจีน(PBOC)ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย(LPR)ไว้ที่ระดับ 4.05% และได้ส่งให้ค่าเงิน USD/CNH รูดลง เป็นอานิสงส์ต่อค่าเงินสำคัญๆอื่นๆเมื่อเทียบกับ $ ด้วย ในขณะที่ดัชนีหุ้นสหรัฐฯได้ปรับขึ้นในช่วงต้นของตลาดด้วยจากมาตรการต่างๆที่ได้ทยอยออกมาของทั้งทางภาครัฐฯและธนาคารกลางสำคัญๆต่างๆ และจากราคาน้ำมันดิบฯที่ได้ทะยานกลับขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังทรัมป์เปรยจะเข้าแทรกแซงตลาดน้ำมันฯ โดยทองก็ได้อานิสงส์บ้างเช่นกันจากทั้งปัจจัยทางเทคนิคและข่าวฯ อย่างไรก็ดี ยังคงไม่จีรังยั่งยืน ความวอตกของตลสดและนีกลงทุนยังคงมีอยู่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ดูเหมือนจะยังรุนแรงขึ้นไม่หยุดยั้ง โดยจะพยายามไม่ชี้ว่า เป็นความผิดพลาดของใครบ้าง เอาเป็นว่า ลีลาเยอะและขาดความเด็ดขาด หรือที่โบราณกล่าวว่า กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้ อย่างไรก็ดีก็พอมีข่าวบวกเข้ามาเพิ่มเติมจากทางสหรัฐฯกล่าวคือ จะให้มีการยืดเส้นตายการชำระภาษีฯออกไปถึงวันที่ 15 เดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งได้ส่งให้ดัชนีหุ้นสหรัฐฯดีดขึ้นบ้างรวมถึงราคาทองคำที่ได้ปัจจัยทางเทคนิคช่วยหนุนด้วย โดยตัวเลขสหรัฐฯยังคงไม่ส่งผลต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญมากนัก แต่ก็ได้ออกมาแข็งแกร่งเกินการคาดการณ์พอสมควร หลังจากนั้นดัชนีหุ้นสหรัฐฯก็เริ่มลงต่อในขณะที่ราคาทองคำปรับลงอีกครั้ง โดยตลาดยังคงตกอยู่ในภาวะผันผวนและความวิตกค่อนข้างมาก มากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของการซื้อขาย โดยก็มีมาตรการต่างๆที่ได้ทยอยออกมาจนทุกวันนี้ไม่ไหวจะรายงานให้ทราบทั้งหมด อาทิเช่น ทางอังกฤษได้ประกาศมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพิ่มเติมโดยให้มีการปิดค่าเฟ่ ผับและร้านอาหารต่างๆ เป็นต้น รวมไปถึงรายงานข่าวอื่นๆเช่น บางบริษัทเงินทุนฯได้ประสบปัญหาทางด้านการเงิน ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างปรกติในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ถือเป็นข่าวลบต่อตลาดหรือบรรยากาศการลงทุนนั่นเอง ในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ก็แทบไม่ได้มีข่าวบวกที่ชัดเจนออกมาเพิ่มเติม แต่ก็กลับมีข่าวลบออกมาบ้าง รวมไปถึงท่าทีของโฆษกสภาทางพรรคเดโมแครตที่ส่งสัญญาณไม่เห็นด้วยกับร่างการกระตุ้นฯล่าสุดนี้ และนำไปสู่ความล้มเหลวเบื้องต้น และไม่สามารถผ่านในสภาสูงได้ในช่วงเย็นของวันอาทิตย์ตามเวลาสหรัฐฯ
สรุปภาพรวมตลาดในสัปดาห์นี้
ส่วนในสัปดาห์นี้ ก็จะมีการประกาศตัวเลขทั้งยุโรปและสหรัฐฯที่สำคัญๆมากมายพอสมควร แต่โดยเป็นช่วงที่น่าจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งส่งให้มีการคาดการณ์ไปในทางลบค่อนข้างมาก โดยที่จริงแล้ว ก็จะมีข่าวต่างๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมาตรการต่างๆที่น่าจะทยอยกันออกมาในแต่ละประเทศ แต่ที่สำคัญสุด ส่วนตัวคิดว่า มันขึ้นตรงหลักไปที่สถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรงในหลายๆประเทศอยู่นี่เอง ว่าเมื่อไหร่จะมีแนวโน้มที่เลวร้ายสุดแล้วหวนกลับไปในทางที่ดีขึ้น และตลาดก็จะกลับไปในทิศทางที่ดีอีกครั้ง เช่น ตลาดหุ้นฯ เป็นต้น และนั่นแหล่ะที่จะสื่อว่า ใครจะมองเห็นหรือเก็งกำไรได้ดีและเร็วกว่ากัน
สรุปภาพรวมตลาดในวันนี้
ส่วนในวันนี้ ดัชนีหุ้นสหรัฐฯได้ปรับรูดลงตั้งแต่เปิดให้ทำการซื้อขาย โดยได้ข่าวลบมาจากช่วงวันหยุด รวมถึงการที่ทางสภาสูงสหรัฐฯยังไม่สามารถผ่านร่างแผนการกระตุ้นฯของนายทรัมป์ได้ ซึ่งก็ได้ส่งผลต่อตลาดหุ้นอื่นๆด้วย โดยวันนี้จะไม่มีการประกาศตัวเลขสหรัฐที่สำคัญใดๆ ตลาดและนักลงทุนคงยังตกอยู่ในอาการเดิมๆจนกว่าจะมีสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆเลย บางท่านอ่านบทความอยู่ขณะนี้ก็อาจจะงงๆอยู่แล้ว มันเป็นภาวะตลาดที่ไม่ปรกติ การลทุนจึงควรมีความระมัดระวังให้สูงพอสมควรถึงแม้จะไม่ได้หมายความว่า ลงทุนไม่ได้หรือควรหยุดการลงทุน
นาย ธนพลแสงรังษี