เมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 3 ปี
ประเด็นหลักในสัปดาห์นี้คือเรื่องของการที่คณะกรรมการการเงินสหรัฐฯ(FOMC) ลงมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นจากระดับ 0.25% สู่ระดับ 0.50% (+0.25%) เรื่องนี้ส่งผลต่อสินทรัพย์ทางการเงินต่างๆอย่างไร และเราควรเตรียมปรับแผนการลงทุนอย่างไรต่อจากนี้ ในโพสต์นี้จะสรุปให้คุณได้เข้าใจแบบง่ายๆ
สาเหตุการขึ้นดอกเบี้ยคืออะไร?
การที่ธนาคารกลางจะตัดสินใจขึ้นหรือลดดอกเบี้ยนโยบายนั้นมีปัจจัยหลักๆมาจาก 2 อย่างด้วยกัน ได้แก่ภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ถ้าเศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป หรือเงินเฟ้อมากเกินไป ก็ต้องลดความร้อนแรงด้วยการดึงเงินกลับผ่านการขึ้นดอกเบี้ย เพราะเมื่อขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้คนไม่อยากกู้เงินไปลงทุนหรือใช้จ่ายเพราะดอกเบี้ยแพง และทำให้คนอยากเอาเงินมาฝากไว้กับธนาคารมากขึ้นเพราะได้ดอกเบี้ยสูง ดังนั้นดอกเบี้ยจึงเป็นหนึ่งในกลไกหลักที่ธนาคารกลางใช้ในการควบคุมสภาวะการเงินและเศรษฐกิจของประเทศนั่นเอง
ขึ้นดอกเบี้ยแล้วกระทบกับสินทรัพย์หลักๆที่เราเทรดอย่างไร?
1.หุ้น/ดัชนีหุ้น
ราคาหุ้นรายตัว หรือราคาดัชนีหุ้น ต่างก็คือสิ่งที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะการขึ้นดอกเบี้ยนั้นกระทบกับต้นทุนทางการเงินของบริษัทอย่างเลี่ยงไม่ได้ และยิ่งบริษัทไหนมีหนี้เยอะ ก็ยิ่งลำบากเพราะต้องจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าเดิม บริษัทไหนที่วางแผนจะกู้ ก็อาจแตะเบรคเพราะดอกเบี้ยแพง และต่อให้บริษัทไหนไม่มีหนี้เยอะ หรือไม่กู้ แต่สุดท้ายคนก็จะไม่อยากช้จ่ายอยู่ดีเพราะอยากเอาเงินไปฝากได้ดอกเบี้ยมากกว่าเอามาใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ทำให้สุดท้ายกระทบกับยอดขายของบริษัททางอ้อม >> ผลคือ กำไรของบองบริษัทลดลง >ทำให้ราคาหุ้นลดลงในอนาคต
2.สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ(USD)
แน่นอนว่าดอกเบี้ยส่งผลกับสกุลเงินของประเทศโดยตรง ในแง่ของความแข็งค่าและอ่อนค่า เพราะเมื่อดอกเบี้ยสูงขึ้น คนอยากถือเงินดอลลาร์มากขึ้น (ผ่านการเข้าซื้อพันธบัตร) เพราะให้ดอกเบี้ยดี ทำให้เงินลงทุนไหลเข้าประเทศ ทำให้สกุลเงินของประเทศแข็งค่าขึ้น
3.ทองคำและ สกุลเงินออสเตรเลียดอลลาร์(AUD)
ต้องบอกว่าทั้งสองสินทรัพย์นี้ไม่ได้เกี่ยวกับดอกเบี้ยโดยตรง แต่เกี่ยวโดยทางอ้อมเพราะเป็นคู่ตรงข้ามกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ(USD) นั่นแปลว่าเมื่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ทองคำ และ AUD จะโดนกดดันทำให้ราคาร่วงลง และที่จับทองคำมาพูดพร้อมกับAUDเพราะ AUDถือเป็นสกุลเงินตัวแทนของความเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ชัดเจนมากตัวหนึ่ง จึงเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ
ทั้งนี้ต้องบอกว่าจริงๆแล้วเราสามารถเจอเหตุการณ์ ดอลลาร์ขึ้น ทองขึ้น ได้ ตัวอย่างที่ชัดเจนที่เกิดขึ้นเร็วๆนี้คือภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ทั้งสองสินทรัพย์วิ่งไปทางเดียวกัน(ปกติทองวิ่งตรงข้ามดอลลาร์) เพราะดอลลาร์ก็ถือเป็นหนึ่งในสกุลเงิน Safe Heaven ด้วยเช่นกัน นอกเหนือจาก JPY จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์ ทองขึ้น ดอลลาร์ขึ้นได้
4.บิทคอยน์
ด้วยความที่บิทคอยน์นั้นพ่วงกับดอลลาร์(BTC/USD) จึงถือเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่จะได้รับผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ย ตามเหตุผลที่ได้กล่าวไปแล้วในข้อสอง ว่าการขึ้นดอกเบี้ยส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในระยะยาว ดังนั้นย่อมกดดันราคาบิทคอยน์ด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ต้องบอกว่าบิทคอยน์มีพื้นฐาน มีเรื่องราว มีเอกลักษณ์เพาะตัวของสินทรัพย์ ดังนั้นบางครั้งอาจไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ตรงข้ามกับสกุลเงินดอลลาร์เสมอไป
แล้วควรวางแผนการลงทุนอย่างไรต่อไปหลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย?
เมื่อเรากำลังอยู่ในยุคดอกเบี้ยขาขึ้น (เพราะปีนี้เฟดขึ้นดอกเบี้ยอีกหลายรอบ) สิ่งที่เราจะทำคือ
“ดูว่าสินทรัพย์อะไรได้ประโยชน์/เสียประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น แล้วปรับพอร์ทตามนั้น”
ยกตัวอย่างเช่น บริษัทที่ทำธุรกิจด้านสินเชื่อต่างๆ ก็อาจมีรายได้มากขึ้นเพราะดอกเบี้ยเงินกู้สูงขึ้น ส่วนบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ก็อาจได้รับผลกระทบเพราะคนไม่อยากกู้เงินมาซื้อบ้านเพราะดอกเบี้ยแพง เป็นต้น
หรือถ้าเป็นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ก็จะยิ่งโดนผลกระทบเชิงลบ เพราะกำไรยังไม่มี หนี้ก็เยอะ ดอกเบี้ยดันมาแพงอีก ก็อาจทำให้ราคาหุ้นร่วงได้
หรือทองคำก็อาจราคาลงในระยะยาวถ้าดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในระยะยาว เป็นต้น
ดังนั้นลองมองหาประโยชน์จากการภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น แล้วเกาะเทรนนี้ไปครับ
ขอให้โชคดีในการลงทุนท่านครับ