เรากำลังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย(Recession)แล้วใช่หรือไม่?
เราควรจะรับมืออย่างไร?
บางคนก็บอกว่าเรายังไม่เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่บางคนก็บอกว่าเกิดขึ้นแล้ว…
บางคนก็บอกว่าฟองสบู่จะแตก แต่บางคนบอกว่าไม่แตกแต่เป็นฟองสบู่กำลังฟีบลงแล้ว…
ตกลงว่าเรากำลังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย(Recession)แล้วหรือยัง? ถ้าเกิดว่าใช่ขึ้นมาจริงๆ…เราควรจะรับมืออย่างไร?
ไม่ว่าคุณจะคิดแบบไหนหรือเชื่อว่าเศรษฐกิจเป็นอย่างไร ยังไงการเตรียมตั้งรับไว้ก็คงไม่มีอะไรเสียหาย
ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจเกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว…ก็เป็นได้ สาเหตุเพราะเมื่อเราดูจากมาตราวัดที่สำคัญทางเศรษฐกิจหลายๆตัว ก็จะพบว่า “เข้าข่าย” ว่าตอนนี้ภาวะเศรษฐกิจถอดถอยได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่ว่าถ้า แต่อาจเกิดขึ้นแล้วจริงๆ
โดยบทความนี้เราจะเน้นไปที่ปัจจัยต่างๆของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ว่าตอนนี้เข้าสู่ภาวะภดถอยทางเศรษฐกิจแล้วหรือยัง
ภาวะถดถอย (Recession) คืออะไร?
ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ = ช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตช้าลง หรือไม่เติบโต เป็นช่วงที่มักจะเห็นนโยบายการเงินแบบตึงตัวจากธนาคารกลาง ผู้คนมักไม่ค่อยใช้จ่าย ภาคธุรกิจมีปัญหาไม่เติบโต รายได้โดยรวมของประเทศลดลง ผู้คนว่างงาน ทำให้โดยรวมเศรษฐกิจของประเทศไม่เติบโตและติดลบในที่สุด
ปัจจัยอะไรบอกว่าตอนนี้เกิด Recession ในสหรัฐฯ แล้ว?
1.เงินเฟ้อ = เงินเฟ้อคือ อำนาจซื้อของเงินที่เรามีลดลง อำนาจซื้อของเงินที่เรามีในวันนี้ไม่เท่ากับในอดีต และเมื่อทุกคนรู้ว่าเงินเฟ้อ ฉันไม่อยากจ่ายแพง ไม่อยากจ่ายเยอะ หรือ ไม่มีจะจ่าย > สิ่งที่ตามมาคือ ไม่มีใครอยากจ่าย หรืออยากใช้เงิน > พอคนไม่จ่าย รายได้ไม่หมุนเวียน เศรษฐกิจก็ไม่เติบโต
2.น้ำมันแพง = อันนี้เจ็บสุด เงินเฟ้อไม่พอ น้ำมันดันมาแพงในช่วงนี้อีก ซึ่งน้ำมันเป็นสิ่งที่ใช้ในภาคธุรกิจและคนทั่วไปในการเดินทางและการขนส่งสินค้า ทำให้ต้นทุนการใช้ชีวิตประจำวันและต้นทุนการทำธุรกิจสูงขึ้น > ส่งผลให้กำไรลดลง เงินไม่พอใช้ หรือถึงขึ้นขาดทุุน ล้มหายตายจากก็มี > ก็จะทำให้เศรษฐกิจถดถอย
3.GDP ติดลบ = จะมีการวัดในเชิงทางเศรษฐศาสตร์อย่างหนึ่งว่าถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่ตัวเลข GDP ออกมาติดลบติดต่อกัน 2 ไตรมาส จะแสดงถึงการเกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ ซึ่งตอนนี้ทาง Fed สาขา Atlanta ได้ออกมาคาดการณ์แล้วว่าตัวเลข GDP ที่กำลังจะประกาศออกมารอบหน้าจะติดลบอีกครั้ง ซึ่งแปลว่าสหรัฐฯจะเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ
4.ตลาดหุ้นและทุกสินทรัพย์ร่วง = ข้อนี้น่าจะเห็นชัดสุดเพราะเราเปิดกราฟดูได้เลยทันที ไม่ว่าจะตลาดหุ้น หรือตลาดคริปโท ราคาต่างก็ร่วงลงอย่างหนักนับตั้งแต่เปิดต้นปีจนถึงปัจจุบัน(17/กค/65) โดยตลาดหุ้นมักเคลื่อนที่บอกเหตุการณ์ล่วงหน้าเร็วกว่าเศรษฐกิจจริง ถ้าตลาดหุ้นไปทางไหนหลังจากนั้นถัดมาอีกหลายเดือนภาคธุรกิจและครัวเรือนจะได้รับผลกระทบตามมาในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้น นั่นแปลว่าการที่ตลาดหุ้นและราคาสินทรัพย์ต่างๆร่วงลงนับตั้งแต่ต้นปีมาถึงตอนนี้ก็6เดือนกว่าแล้ว เราก็จะเริ่มเห็นว่าตอนนี้ภาคธุรกิจจริงเป็นอย่างไร และคำตอบคือ ไม่ค่อยสวยนัก
5.Invert Yield Curve = เชื่อว่าหลายคนเคยได้ยินคำนี้ ความหมายของคำนี้คือการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี สูงกว่า อายุ 10 ปี (ปกติผลตอบแทนระยะยาวควรต้องมากกว่าระยะสั้น) เวลาเกิดแบบนี้ในอดีตมักเกิด Recession ตามมา(แม้จะไม่ทุกครั้งแต่ก็มักเกิด) ซึ่งปีนี้ Invert Yield Curve เกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว ก็เหลือแค่ว่าภาวะถดถอยจริงจะเกิดขึ้นตามมาตอนไหน
แล้วเราควรจะรับมืออย่างไร?
*ขอย้ำอีกสักรอบว่าที่กล่าวมาข้างต้นในบทความนี้ คือการโฟกัสไปเฉพาะที่เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ดังนั้นอาจไม่ได้แปลว่าภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นแล้วในบ้านเรา(แต่ก็มีโอกาส)
การรับมือควรทำดังนี้:
1.บริหารจัดการหนี้ให้ดี: เพราะเงินเฟ้อหนักมาก ถ้าเคลียหนี้ได้ควรรีบทำ ถ้าทำไม่ได้ให้คุยกับแบงค์หรือเจ้าหนี้เพื่อต่อรองดอกเบี้ยให้ไว เพราะตอนนี้เทรนดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นเรียบร้อยแล้วเพราะธนาคารกลางต้องการควบคุมเงินเฟ้อ และประเทศไทยเองโดย กนง. ก็มีท่าทีว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้น 0.5% ในรอบการประชุมที่จะถึงนี้ ดังนั้นเมื่อดอกเบี้ยกำลังขึ้น การเคลียร์หนี้หรือเจรจาดอกเบี้ยหรือค่างวดผ่อนส่ง ถือว่าสมควรทำ เพื่อลดรายจ่ายและรักษากระแสเงินสดไว้ในกระเป๋าเราให้ได้มากที่สุด
2.มีเงินสดเก็บไว้ หรือทำกำไรขาลง: ไม่ได้บอกว่าไม่ควรลงทุน แต่ในช่วงที่ราคาทุกอย่างร่วงลง บางครั้งการไม่ทำอะไรแล้วเก็บเงินสดไว้รอจังหวะที่ใช่หรือเข้าใจจริงๆแล้วค่อยลงเงิน อาจเป็นกลยุทธ์ที่ดีกว่า เพราะการเอาเงินที่หามาอย่างเหนื่อยยากไปละลายในตลาดขาลงโดยไม่มีความรู้หรือประสบการณ์ก็คงไม่ใช่แนวคิดที่ดีนัก แต่ถ้ามั่นใจหรือรู้วิธีเทรดทำกำไรขาลง อันนั้นเป็นอีกเรื่อง ซึ่งถือว่าดีถ้าคุณรู้ว่าทำอย่างไร ก็แบ่งเงินที่รับความเสี่ยงได้มาลงทุนเป็นการหารายได้อีกทาง
3.หาความรู้(X3): จริงๆข้อนี้ไม่ว่าจะช่วงเวลาเศรษฐกิจดีหรือแย่ ก็ควรต้องทำให้เป็นนิสัยอยู่แล้ว แต่จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเศรษฐกิจกำลังเป็นขาลง หรือเมื่อตลาดกำลังเป็นขาลง เพราะเมื่อตลาดดี ทุกคนก็กำไร แต่คนจริงวัดกันในวันที่ตลาดไม่ดี แต่เรายังอยู่ได้ ยังอยู่รอด ซึ่งอาวุธที่จะทำให้เราอยู่รอดหนึ่งในนั้นคือ ความรู้ และคงไม่ใช่ความรู้แบบธรรมดา คงต้องความรู้แบบX3 เพื่อให้เก่งยิ่งขึ้น ดังนั้นในช่วงเวลาที่ทุกอย่างกำลังแย่ ตลาดนิ่งสงบ คือช่วงเวลาที่เราควรหาความรู้นั่นเอง และที่สำคัญเราว่าง(เพราะเราดอยสูง…หยอกๆ) จะหาความรู้ในเชิงพื้นฐาน(Fundamental) หรือความรู้ในเชิงเทคนิค(Technical) หรือจะความรู้ในเชิงจิตวิทยาการเทรด (Trading Psychology) ก็ได้ครับ
สรุป
จริงๆแล้วภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจในอดีตก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่ต้องตื่นเต้น แต่เป็นเรื่องที่ควรศึกษาว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร แล้วทำไมรอบนี้ถึงเกิด แล้วเราควรจะใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส ทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้ามีอีกเหตุการณ์นี้อีกในครั้งถัดไป เราจะไม่เสียหายหนักและเผลอๆอาจได้กำไรติดมือมาแทน
เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน โชคดีทุกท่านครับ
ZFX Thailand
$$$ ถ้าอยากเทรดฟอเร็กซ์ หรือหุ้น Disney ก็มาเทรดกับ #ZFX ได้เลย สเปรดเราน่ารัก เรามีผลิตภัณฑ์มากมายให้คุณเทรด รวมทั้งมีความรู้การเทรดให้คุณฟรีๆ และมีกลุ่ม Line OpenChat ให้กับลูกค้าของเรา ไว้พูดคุย อัพเดทข่าวสารสำคัญ และรับการวิเคราะห์แนวโน้มคู่ที่น่าสนใจรายวันจากนักวิเคราะห์ประจำโบรกเกอร์ ZFX สนใจคลิกลิ้งค์ข้างล่างได้เลย $$$
================================
ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสำคัญ และอยากรับการวิเคราะห์แนวโน้มรายวันจากนักวิเคราะห์ประจำโบรคเกอร์ ZFX ก่อนใคร เชิญได้เลยที่ Line Open Chat : https://bit.ly/2P8EKeQ (ใส่รหัสMT4ขอเข้ากลุ่ม)
=================================
เปิดบัญชีจริงกับ ZFX แล้วเริ่มเทรดหุ้นต่างประเทศ สกุลเงิน และ ดัชนีชั้นนำมากมาย กับเราได้เลยที่ https://zfx.link/THwebWAregister พร้อมรับโปรโมชั่นมากมาย!
=================================
#เทรดฟอเร็กซ์ #forex #Trading #Stock #investment #ZFX #ZFXTH