FED ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% แล้วยังไงต่อ?
So, What’s next?
สัปดาห์นี้คงไม่มีอะไรร้อนแรงไปกว่าอีเว้นท์ที่นักลงทุนทั่วโลกจับมองนั่นคือ การประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐฯ(FED) เมื่อวานนี้ เวลา 01.00น. ตามเวลาบ้านเรา ซึ่งเป็นการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 จุด ถือเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994
คำถามคือ เราในฐานะนักลงทุนควรทำอย่างไรต่อไป? บทความนี้จะมาเล่ามุมมองการลงทุนต่อจากนี้ให้ฟังกันครับ
เฟดประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 จุด (0.75%) เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994 แต่เชื่อหรือไม่ว่านักลงทุนในตลาดบางส่วนอาจกลับกลายเป็นชอบใจ เพราะว่าเฟดทำตัวน่ารัก ว่านอนสอนง่าย เดาทางง่าย บอกสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตกับนักลงทุนแบบชัดเจน ถือว่าค่อนข้างตอบสนองความคาดหวังของนักลงทุนในตลาด ซึ่งเอาจริงๆหลายคนก็พอรู้อยู่แล้วว่าเงินเฟ้อในสหรัฐฯสูงขนาดนี้ เฟดจะหนีไปไหนได้นอกซะจากต้องรีบขึ้นดอกเบี้ยให้มากพอ เพื่อคุมเงินเฟ้อให้ไวที่สุด และการแถลงข่าวจากนาย เจอโรม พาวเวล ประธาน FED ในเมื่อคืนนี้ถือว่าชัดเจนในหลายๆประเด็นโดยเฉพาะ การยืนยันว่าเป้าหมายเดียวสำหรับธนาคารกลางในขณะนี้คือการต่อสู้กับเงินเฟ้อ
และในตอนนี้เชื่อว่าทุกคนรับรู้ได้ว่าเรากำลังอยู่ในภาวะที่เศรษฐกิจทั่วโลกไม่ค่อยดี มีเงินเฟ้อสูง ข้าวของแพง(มาก) ทำให้ในเชิงนโยบายการเงินสำหรับธนาคารกลางแล้วทางออกแรกคือการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ แต่จริงๆรู้หรือไม่ว่าในอีกแง่หนึ่ง หากแตะเบรคแรงไป (ขึ้นดอกแรงไป) อาจส่งผลให้ผลลัพธ์ไม่สวยได้ทันที
หรือพูดอีกแบบก็คือตอนนี้เฟดกำลังพยายามพาฟองสบู่ก้อนนี้ที่ลอยจนจะหลุดชั้นบรรยากาศโลกอยู่แล้ว กำลังดึงลงมาลงจอดสู่พื้นให้ได้อย่างนิ่มนวลที่สุดโดยที่ฟองสบู่ “ไม่แตก” ระหว่างทางซะก่อน ซึ่งหมายถึงการเกิด “Recession” หรือเศรษฐกิจถดถอย นั่นเอง
ถามว่าหลังจากนี้ FED จะยังไงต่อ?
หลังจากนี้เฟดมีโอกาสจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% อีกครั้งในรอบการประชุมหน้า(กรกฏาคม) และหลังจากนั้นจะขึ้นครั้งละ 0.5% จนถึง 0.25% ไปจนกว่าจะถึงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยที่ 3.4% ภายในสิ้นปีนี้
แล้วนักลงทุนอย่างเราควรทำอย่างไรต่อไป?
แบ่งเป็น 2 กรณี
1.ถ้าคุณคิดว่าตลาดฟื้นตัวได้ = ให้เริ่มเก็บของถูกได้แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น หรือ ตลาดสกุลเงินดิจิทัล จะพบว่าส่วนใหญ่แล้วภาพใหญ่ยังเป็นแนวโน้มขาขึ้น แต่เมื่อมองเจาะเฉพาะแนวโน้มราคาในปีนี้ ก็จะพบว่าตลาดกำลังอยู่ในแนวโน้มขาลงอย่างชัดเจน แต่ถ้าคุณมองว่าตลาดหุ้นหรือคริปโทจะฟื้นตัวเร็วกว่าที่คิดและการย่อตัวของราคานั้นก็มากพอแล้ว(ย่อตัวลงมามากกว่า70%จากจุดสูงสุด) ประกอบกับสกุลเงินดอลลาร์มีโอกาสลงมาปรับฐานก่อนขึ้นอีกครั้ง เสริมให้ตลาดหุ้นและตลาดสกุลเงินดิจิทัลฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ = คุณก็สามารถเริ่มทยอยลงทุนเพื่อเก็บของถูกเข้าพอร์ทได้
2.ถ้าคุณคิดว่าตลาดจะไม่ฟื้นตัว = เก็บเงินสดไว้นิ่งๆก่อน
กลับกันกับแนวคิดข้างบน ถ้าคุณมองว่าเมื่อเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยขนาดนี้ โอกาสที่จะลงจอดแบบนุ่มนวลจะไม่เกิดขึ้นและฟองสบู่จะแตกกลางคัน หรือคุณคิดว่ายากที่ตลาดจะฟื้นทันทีในปีนี้เพราะแรงขายยังคงมีอยู่มาก และความกลัวของนักลงทุนในตลาดว่าจะเกิดวิกฤตก็ยังมาก ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นและตลาดสกุลเงินดิจิทัลร่วงลงไปมากกว่านี้อีก และมองว่าสกุลเงินดอลลาร์จะยังแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ไม่ปรับฐานลึก = สิ่งที่คุณควรทำก็คือ เก็บเงินสดไว้นิ่งๆก่อนปีนี้ เพราะ “Cash is King” คำนี้ใช้ได้ดีเสมอในช่วงตลาดกำลังแดงเดือด หรือเกิดวิกฤตขึ้น เพราะไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการที่เราตุนเงินสดไว้ให้มากที่สุดเพื่อรอซื้อของที่ถูกกว่าเดิมในวันที่ทุกคนอยากขาย(แต่ต้องมั่นใจว่าของดีด้วยนะก่อนซื้อ)
ขอให้โชคดีในการลงทุนครับ
ZFX Thailand