สรุปข่าวสำคัญประจำวันอังคารที่ 12 กรกฎาคม 2565
1.** เยอรมนีเผชิญสถานการณ์ด้านพลังงานอีกระลอก จากการที่รัสเซียปิดท่อส่งก๊าซอีกครั้ง!
‘เคล้าส์ มุลเลอร์’ ผู้อำนวยการสำนักงานกำกับดูแลกฎระเบียบพลังงานเยอรมนี เปิดเผยว่า เยอรมนีต้องอยู่ในความมืดเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เมื่อท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม 1 ที่ลำเลียงก๊าซจากรัสเซียได้ปิดซ่อมบำรุงเป็นเวลา 10 วัน และคาดว่านอร์ดสตรีม 1 จะไม่ทำหน้าที่ส่งก๊าซ ตั้งแต่เช้าวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น
‘มุลเลอร์’ กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อปิดท่อส่งก๊าซซ่อมบำรุง ไม่มีใครสามารถบอกได้ในตอนนี้ และไม่มีใครสามารถทำนายได้ ดังนั้น เยอรมนีต้องคอยดูต่อไป แต่ถึงกระนั้น ‘มุลเลอร์’ ได้สร้างความชัดเจนเรื่องก๊าซว่า ยังคงมีเข้าสู่เยอรมนี ซึ่งมาจากนอร์เวย์ผ่านทางสถานีปลายทางก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในเบลเยียมและเนเธอร์แลนด์
ท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม 1 เป็นท่อส่งก๊าซขนาดใหญ่ที่สุดที่ทำหน้าที่ส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย มายังเยอรมนี ก่อนจะกระจายส่งต่อไปยังประเทศอื่น ๆ ในยุโรป เริ่มต้นปิดซ่อมบำรุงตามกำหนดการแล้วเมื่อวานนี้ (11 กรกฎาคม) โดยมีกำหนดการปิดทำการเป็นระยะเวลา 10 วัน ในขณะที่รัฐบาลเยอรมนี และอีกหลายชาติในยุโรป ก็กังวลว่า รัสเซียจะขยายเวลาปิดซ่อมบำรุงออกไปอีก
เพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรจากยุโรป
2.*“เยลเลน” ยังคงเชื่อว่า เศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งมาก แม้เงินเฟ้อพุ่งสูง
เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ในระหว่างการพบปะกับนายชุนอิจิ ซูซูกิ รัฐมนตรีคลังของญี่ปุ่นนั้น นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐจะเน้นย้ำถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ แม้เผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูง และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 1/2565 ลดลง 1.6% เมื่อเทียบรายปีก็ตาม
เจ้าหน้าที่ดังกล่าวระบุว่า นางเยลเลนจะอธิบายถึงขั้นตอนต่าง ๆ ที่สหรัฐจะดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ขณะที่จะยืนยันว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่งอย่างมาก เนื่องจากกำลังแรงงานของสหรัฐยังคงแข็งแกร่งและอัตราการว่างงานใกล้แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นางเยลเลนจะหารือกับนายซูซูกิเกี่ยวกับความท้าทายที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญ รวมถึงสงครามยูเครน-รัสเซีย และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อประเทศกำลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่บางแห่ง รวมถึงเศรษฐกิจของยุโรป
3.*จับตา! ออสเตรเลีย หลังความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงติดกันเดือนที่ 8 จากวิตกดอกเบี้ย ขาขึ้น-ค่าครองชีพสูง
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคออสเตรเลียปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน เนื่องจากผู้บริโภควิตกกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น
สถาบันเวสแพค-เมลเบิร์น อินสทิทิวต์ เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของออสเตรเลียในเดือนก.ค. ปรับตัวลง 3.0% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และร่วงลง 23% เมื่อเทียบกับเป็นรายปี แตะที่ระดับ 83.8 โดยดัชนีที่ต่ำกว่า 100 บ่งชี้ว่าจำนวนผู้บริโภคที่มีมุมมองในด้านลบต่อเศรษฐกิจนั้น มีมากกว่าจำนวนผู้บริโภคที่มีมุมมองเป็นบวก
นายบิล อีแวนส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเวสต์แพคตั้งข้อสังเกตว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคทรุดตัวลงเกือบ 20% นับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2564 ซึ่งการชะลอตัวลงในลักษณะเช่นนี้มักจะเกี่ยวข้องกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก
การร่วงลงของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสะท้อนถึงความวิตกกังวลเกี่ยวภับภาวะอัตราดอกเบี้ยสูง หลังจากธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.5% สู่ระดับ 1.35% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะเดียวกัน RBA ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นได้เพิ่มแรงกดดันต่อภาคครัวเรือนของออสเตรเลียซึ่งได้รับผลกระทบอยู่แล้วจากภาวะราคาน้ำมันแพงและราคาอาหารที่สูงขึ้น โดยผลสำรวจของเวสต์แพคบ่งชี้ว่า มาตรวัดสถานะการเงินของภาคครัวเรือนออสเตรเลียปรับตัวลง 2.8% ในเดือนก.ค. และมาตรวัดมุมมองของภาคครัวเรือนที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในอีก 12 เดือนข้างหน้าลดลง 4.2% และแนวโน้มในอีก 5 ปีข้างหน้าลดลง 6.7%
ข้อมูลอ้างอิงจาก – infoquest / TNN World / Reuters
#MarketNews #ZFX #ZFXThailand