ไบเดนเผยจะพบ “สี จิ้นผิง” ด้วยไพ่ในมือที่ดีขึ้น หลังเดโมแครตครองวุฒิสภา : สรุปข่าว 14 พ.ย.
ข่าว Forex วันนี้
1.**พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา หลังชนะเลือกตั้งในรัฐเนวาดา-แอริโซนา
สำนักข่าว CNN คาดการณ์ว่าเดโมแครต ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลสหรัฐจะรักษาเสียงข้างมากในวุฒิสภาไว้ไปได้อีก 2 ปี หลังจากชนะเลือกตั้งไปแบบเฉียดฉิวในรัฐเนวาดาและแอริโซนา โดยขณะนี้เดโมแครตได้ที่นั่งในวุฒิสภาไป 50 ที่นั่ง ส่วนพรรครีพับลิกันได้ไป 49 ที่นั่ง
ในรัฐเนวาดา ส.ว.แคทเธอรีน คอร์เตซ มาสโต จากพรรคเดโมแครต อดีตอัยการและอัยการสูงสุดของรัฐ คาดว่าจะเอาชนะนายอดัม ลัคซอลท์ จากพรรครีพับลิกัน ผู้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดต่อจากส.ว.มาสโต โดย ณ เวลา 10.17 น. ตามเวลาประเทศไทย ส.ว.มาสโตมีคะแนนนำอยู่เพียง 4,982 เสียง หลังจากนับคะแนนไปแล้วทั้งสิ้น 96%
ในรัฐแอริโซนา ส.ว.มาร์ค เคลลี จากพรรคเดโมแครต อดีตนักบินอวกาศ คาดว่าจะเอาชนะนายเบลค มาสเตอร์ จากพรรครีพับลิกัน นักลงทุนในธุรกิจเงินร่วมลงทุน (VC) ผู้ได้รับการสนับสนุนจากอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ โดย ณ เวลา 8.49 น. ตามเวลาประเทศไทย ส.ว.มาร์คมีคะแนนนำอยู่ถึง 131,080 เสียง หลังจากนับคะแนนไปแล้วทั้งสิ้น 89%
ทั้งนี้ การครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้จะเป็นปัจจัยบวกอย่างมากต่อประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในช่วงการดำรงตำแหน่งอีก 2 ปีที่เหลือ เนื่องจากพรรคเดโมแครตจะสามารถดำเนินการรับรองบุคคลที่ปธน.ไบเดนเสนอชื่อให้เป็นผู้พิพากษาศาลสูงสุด นอกจากนี้ วุฒิสภาพรรคเดโมแครตยังสามารถปฏิเสธร่างกฎหมายที่ผ่านโดยสภาผู้แทนราษฎรได้อีกด้วย
หลังจากที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ทำให้ไบเดนเผยจะพบ “สี จิ้นผิง” จันทร์นี้ด้วยไพ่ในมือที่ดีขึ้น
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐกล่าวว่าเขาจะไปพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ย.) โดยมีไพ่ในมือที่ดีขึ้น หลังจากที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้สำเร็จด้วยชัยชนะของส.ว.แคทเธอรีน คอร์เตซ มาสโต ในรัฐเนวาดา
“ผมรู้ว่าผมจะไปเข้าร่วมแบบเข้มแข็งขึ้น” ปธน.กล่าวถึงการพบกับปธน.สีที่จะเกิดขึ้นวันพรุ่งนี้ในช่วงนอกรอบการประชุมสุดยอด G20 ในประเทศอินโดนีเซีย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การพบปะดังกล่าวจะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยของปธน.ไบเดน โดยนับตั้งแต่ที่ปธน.ไบเดนเข้ารับตำแหน่ง ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจก็ย่ำแย่ลงเนื่องจากการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ปัญหาสิทธิมนุษยชน และความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างจีนกับไต้หวัน
ขณะเดียวกัน ปธน.ไบเดนปรบมือให้กับประชาชนที่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งกลางเทอมและบอกกับนักข่าวว่า ชัยชนะของพรรคเดโมแครตเป็น “ภาพสะท้อนคุณภาพของผู้สมัครของเรา”
ทั้งนี้ ส.ว.มาสโตเฉือนชนะนายอดัม ลัคซอลท์ จากพรรครีพับลิกันไปเพียงไม่ถึง 1% และคาดว่านายลัคซอลท์จะคัดค้านผลการเลือกตั้งครั้งนี้
อนึ่ง การครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้จะเป็นปัจจัยบวกอย่างมากต่อปธน.ไบเดนในช่วงการดำรงตำแหน่งอีก 2 ปีที่เหลือ เนื่องจากพรรคเดโมแครตจะสามารถดำเนินการรับรองบุคคลที่ปธน.ไบเดนเสนอชื่อให้เป็นผู้พิพากษาศาลสูงสุด นอกจากนี้ วุฒิสภาพรรคเดโมแครตยังสามารถปฏิเสธร่างกฎหมายที่ผ่านโดยสภาผู้แทนราษฎรได้อีกด้วย
2.** “เยลเลน” เล็งถกผู้ว่าแบงก์ชาติจีน ประเด็นนโยบายโควิด-แผนฟื้นฟูตลาดอสังหาฯ
เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเตรียมสอบถามทางการจีนถึงความชัดเจน เกี่ยวกับแผนผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิด-19 ของจีนและแนวทางการจัดการปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ ในการพบปะกันกับผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) นอกรอบการประชุมกลุ่ม G20 ที่อินโดนีเซียในวันนี้
เจ้าหน้าที่กล่าวกับผู้สื่อข่าวในการแถลงข่าวที่บาหลีก่อนการประชุมกลุ่ม G20 ว่า เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่เจ้าหน้าที่เศรษฐกิจระดับสูงจากสหรัฐและจีนจะต้องหารือกันเกี่ยวกับความท้าทายระดับโลก และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนนโยบายต่าง ๆ ซึ่งกันและกัน พร้อมระบุว่า นางเยลเลนได้เตรียมพร้อมสำหรับการหารือกับนายนายอี้ กัง ผู้ว่าการ PBOC เกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐ แต่อาจจะไม่กล่าวถึงนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้แสดงความกังวลมาอย่างยาวนาน เกี่ยวกับปัญหาห่วงโซ่อุปทานของจีนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโควิด-19 และการบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อปกป้องความมั่นคงของประเทศ
ทั้งนี้ การพบปะกันระหว่างนางเยลเลนกับนายอี้ มีขึ้นในวันเดียวกันกับที่ปธน.ไบเดนจะพบกับปธน.สี จิ้นผิง ของจีน ในความพยายามที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมหาอำนาจทั้งสองที่กำลังถดถอยลง
เจ้าหน้าที่ระบุว่า ทางสหรัฐไม่ได้วางแผนที่จะให้คำแนะนำแก่จีนเกี่ยวกับการใช้มาตรการเข้มงวดในการควบคุมโควิด-19 หรือปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่ต้องการจะทำความเข้าใจแนวทางของรัฐบาลจีน เพื่อให้สามารถประเมินผลกระทบจากเปลี่ยนแปลงนโยบายได้ดีขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน จีนได้ออกมาเคลื่อนไหวต่อ โดยเปิดแผน 16 ประการ หวังกอบกู้ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ทรุดตัวหนัก
จีนออกคู่มือที่เสนอแนะแนวทางทั้งหมด 16 ข้อ เพื่อใช้ในการกอบกู้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่แท้จริงให้กับเจ้าหน้าที่การเงินทั่วประเทศ โดยนายอี้ กัง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) แสดงความคาดหวังว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศจะสามารถก้าวผ่านมรสุมไปได้อย่างราบรื่น หลังข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้แสดงให้เห็นว่า สถานการณ์เริ่มกระเตื้องขึ้น
สำหรับใจความสำคัญของมาตรการทางนโยบายมีดังนี้
1. การให้สินเชื่อเพื่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับนักพัฒนา โดยสถาบันการเงินควรปฏิบัติต่อนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐและเอกชนอย่างเท่าเทียมกัน ผู้ปล่อยสินเชื่อควรสนับสนุนนักพัฒนาที่มุ่งความสนใจไปยังธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่แท้จริงและมีระบบการจัดการองค์กรที่ดี เป็นพิเศษ
2. หลักเกณฑ์ในการซื้อบ้านสำหรับบุคคลทั่วไป โดยสนับสนุนรัฐบาลท้องถิ่นในการกำหนดเกณฑ์การชำระเงินดาวน์และอัตราดอกเบี้ยการจำนองพื้นฐานแบบเฉพาะเมือง เพื่ออำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานและพัฒนาอุปสงค์ที่อยู่อาศัย ปรับหลักเกณฑ์การจัดซื้อบ้านหลังแรกของผู้อยู่อาศัยในเมืองใหม่ให้เหมาะสม
3. สนับสนุนบริษัทก่อสร้าง โดยรับประกันเรื่องการระดมทุนที่มีความต่อเนื่องและมีเสถียรภาพของบริษัทก่อสร้าง
4. ขยายเวลาการกู้ยืมให้กับนักพัฒนา โดยหนี้ค้างชำระและสินเชื่อเชื่อถือได้ที่มีกำหนดครบกำหนดชำระภายใน 6 เดือนถัดไปของนักพัฒนาสามารถต่อเวลาไปได้อีก 1 ปี
5. สนับสนุนการออกหุ้นกู้ของนักพัฒนาที่มีคุณภาพ โดยนักพัฒนาสามารถขยายเวลาการชำระหุ้นกู้หรือสวอปผ่านการเจรจา
6. ส่งเสริมให้บริษัทที่น่าเชื่อถือสนับสนุนเงินทุนแก่นักพัฒนา เพื่อนำไปใช้เกี่ยวกับการควบรวมกิจการ อสังหาริมทรัพย์ให้เช่า และบ้านพักคนชรา
7. สินเชื่อพิเศษเพื่อดำเนินโครงการให้เสร็จสมบูรณ์ โดยธนาคารเพื่อการพัฒนาจีนและธนาคารแห่งชาติเพื่อการพัฒนากสิกรรมและชนบทควรเสนอสินเชื่อพิเศษ “อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระเบียบ” เพื่อรับรองว่าโครงการอสังหาริมทรัพย์จะดำเนินงานแล้วเสร็จและสามารถส่งมอบให้กับลูกค้า
8. การสนับสนุนเพิ่มเติม เพื่อรับประกันว่าโครงการที่อยู่อาศัยจะเสร็จสมบูรณ์ โดยผู้ปล่อยเงินกู้โครงการที่อยู่อาศัยรายใหญ่ที่เผชิญปัญหาก่อสร้างล่าช้า ควรสนับสนุนทางการเงินเพิ่มเติม
9. การซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยธนาคารและบริษัทบริหารสินทรัพย์ควรสนับสนุนให้นักพัฒนาที่มีความแข็งแกร่งเข้าซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ของคู่แข่งที่อ่อนแอกว่า
10. การดำเนินการโดยอิงตามตลาด ซึ่งรวมถึง การล้มละลายและการปรับโครงสร้าง โดยบริษัทบริหารสินทรัพย์ได้รับการส่งเสริมให้จัดการกับโครงการที่อยู่อาศัย ในฐานะผู้บริหารด้านการล้มละลายและนักลงทุนในด้านการปรับโครงสร้าง
11. การจำนองของผู้ซื้อบ้าน โดยส่งเสริมให้ธนาคารพาณิชย์เจรจากับผู้ซื้อบ้าน เพื่อขยายเวลาการชำระหนี้การจำนอง หากสัญญาซื้ออสังหาริมทรัพย์ของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไป หรือถูกยกเลิก หรือหากพวกเขาตกงานจากผลพวงของโควิด-19
12. การชำระหนี้จำนอง โดยคะแนนสินเชื่อของผู้ซื้อจะได้รับการปกป้อง คะแนนสินเชื่อกลายเป็นประเด็นหลักของการคว่ำบาตรการจำนองอย่างแพร่หลายนับตั้งแต่เดือนก.ค. เนื่องจากการขาดความน่าเชื่อถือจะทำให้ประชาชนซื้ออสังหาริมทรัพย์ยากขึ้นในอนาคต
13. ผ่อนปรนข้อจำกัดสำคัญต่อการปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ โดยสามารถผ่อนคลายข้อจำกัดกรณีธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อให้กับนักพัฒนาได้ชั่วคราว ทั้งนี้ จีนได้เริ่มกำหนดเพดานการปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ในปี 2564 ซึ่งจำกัดการปล่อยสินเชื่อต่อนักพัฒนาและการปล่อยสินเชื่อการจำนอง
14. การระดมทุนเพื่อการซื้อโครงการ โดยจะมีการปรับหลักเกณฑ์ระดมเงินทุนที่เกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้เหมาะสมเป็นการชั่วคราว โดยธนาคารพาณิชย์และบริษัทบริหารสินทรัพย์แห่งชาติควรใช้นโยบายที่เป็นประโยชน์ใหม่นี้ต่อการระดมทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่แท้จริง
15. การปล่อยสินเชื่อต่ออสังหาริมทรัพย์ให้เช่า โดยสถาบันการเงินควรยกระดับการสนับสนุนบริษัทที่เป็นเจ้าของธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์และอำนวยความสะดวกด้านการระดมทุนระยะยาวให้กับบริษัทเหล่านี้อย่างแข็งขัน
16. สร้างความหลากหลายด้านการระดมทุนสำหรับอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า โดยธนาคารพาณิชย์สามารถออกหุ้นกู้ที่นำไปใช้ด้านอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า และควรพิจารณาสนับสนุนทรัสต์เพื่อการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT ต่อไป
3.*มอร์แกน สแตนลีย์ คาดสหรัฐรอดเศรษฐกิจถดถอยปีหน้า แต่ยุโรปหนีไม่พ้น
นักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ระบุในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ (13 พ.ย.) ว่า เศรษฐกิจอังกฤษและยูโรโซนมีแนวโน้มถดถอยในปีหน้า แต่สหรัฐอาจสามารถรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยไปได้แบบเฉียดฉิว โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ความเป็นไปได้ที่จีนจะเปิดเมือง หลังควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาเกือบ 3 ปีนั้น มีแนวโน้มที่จะหนุนให้เศรษฐกิจจีนและตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ ในเอเชียฟื้นตัว
“ความเสี่ยงต่าง ๆ มุ่งสู่ทิศทางขาลง” นักวิเคราะห์ระบุ โดยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 2.2% ในปีหน้า ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ครั้งล่าสุดของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่คาดว่าจะขยายตัว 2.7%
มอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่า ประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วมีแนวโน้มเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือใกล้ถดถอยในปีหน้า สวนทางกับประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ฟื้นตัวพอสมควร แต่ระบุด้วยว่า ยังยากที่จะประเมินเรื่องการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก โดยเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มขยายตัว 5% ในปี 2566 เทียบกับการเติบโตเฉลี่ยที่ 3.7% สำหรับตลาดเกิดใหม่ ในขณะที่ประเทศกลุ่ม G10 ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว มีแนวโน้มขยายตัวเพียง 0.3%
“เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยในปี 2566 ได้ แต่สถานการณ์จะไม่ค่อยราบรื่นนัก เนื่องจากการจ้างงานเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญ และอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นแบบต่อเนื่อง”
โดยมอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 0.5% ในปีหน้า
“ผลกระทบของการคุมเข้มนโยบายการเงินที่สั่งสมเอาไว้ในปี 2566 จะส่งผลกระทบไปถึงปี 2567 ทำให้เป็น 2 ปีที่อ่อนแออย่างยิ่ง” นักวิเคราะห์มอร์แกน สแตนลีย์กล่าว
ส่วนในระดับโลกนั้น เงินเฟ้อควรจะแตะจุดสูงสุดในไตรมาสปัจจุบัน “โดยเงินเฟ้อที่ลดน้อยลงจะเป็นตัวกำหนดทิศทางเศรษฐกิจในปีหน้า”
*****************************
อ่านข่าวรวม กดที่ลิ้งค์ : /th/market-news/
*****************************
ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารสำคัญ และอยากรับการวิเคราะห์แนวโน้มจากนักวิเคราะห์ประจำโบรคเกอร์ ZFX ก่อนใคร เชิญได้เลยที่ Line Open Chat: https://bit.ly/ZFXFreeGroup
*****************************
ข้อมูลอ้างอิง – infoquest / Reuters / Bloomberg News / Investing / CNBC
#MarketNews #ZFX #ZFXThailand #US #USD #เงินเฟ้อ #Gold #ทอง #เงินเฟ้อ #อัตราเงินเฟ้อ #Investing #Bloomberg #Forexวันนี้ #ทองคำวันนี้ #แนวโน้ม #นโยบายการเงิน #เศรษฐกิจ #ศก. #US #USD #ForexToday #Forex #China #WTI #น้ำมัน #ราคาน้ำมัน #ราคาน้ำมันวันนี้ #น้ำมันWTI #Covid #จีน #Taiwan #ไต้หวัน #G20 #อสังหาริมทรัพย #PBOC