สรุปข่าวสำคัญประจำวันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม 2565
1.**IMF เตือนปัญหาขาดแคลนก๊าซธรรมชาติอาจทำให้เศรษฐกิจยุโรปถดถอย
นางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุในวันพุธ (13 ก.ค.) ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่มาก พร้อมกับเตือนว่า การจัดหาก๊าซธรรมชาติไปยังยุโรปที่หยุดชะงัก อาจทำให้เศรษฐกิจหลายประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ถ้อยแถลงของนางจอร์เจียวามีขึ้นก่อนหน้าการประชุมรัฐมนตรีคลังของกลุ่ม G20 ในสัปดาห์นี้ โดยนางจอร์เจียวาระบุว่า สงครามรัสเซียในยูเครนทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจย่ำแย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ และ IMF พร้อมที่จะปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2565 และ 2566
นางจอร์เจียวากล่าวว่า IMF จะปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจปี 2565 ที่เคยคาดไว้ที่ 3.6% ลงอีกเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ และไม่ปฏิเสธโอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2566
นางจอร์เจียวาระบุว่า สงครามทำให้เกิดโศกนาฏกรรมของมนุษย์ที่เลวร้าย ขณะเดียวกันก็ทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องมีปริมาณลดลงและราคาสูงขึ้น ทำให้วิกฤติค่าครองชีพรุนแรงขึ้น และมีแนวโน้มจะทำให้ผู้คนอีก 71 ล้านคนทั่วโลกเข้าสู่ภาวะยากจนสุดขีด
“ประเทศต่าง ๆ ต้องทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อลดอัตราเงินเฟ้อที่สูง เพราะเงินเฟ้อที่สูงอย่างต่อเนื่องทำให้การฟื้นตัวย่ำแย่ลงและสร้างความเสียหายเพิ่มเติมแก่มาตรฐานการใช้ชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับกลุ่มเปราะบาง” นางจอร์เจียวากล่าวพร้อมเสริมว่า ความกังวลด้านอาหารและพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นยังเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดความไม่สงบในสังคมด้วย
2.*สหรัฐ-อิสราเอลลงนามข้อตกลงเดินหน้าสกัดอิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐและนายยาอีร์ ลาปิด นายกรัฐมนตรีอิสราเอล จะลงนามในสนธิสัญญาความร่วมมือกันในวันนี้ (14 ก.ค.) เพื่อขัดขวางไม่ให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง ซึ่งวันนี้เป็นวันที่สองในการเยือนภูมิภาคตะวันออกกลางของผู้นำสหรัฐ
เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สัญญาความร่วมมือดังกล่าวเป็นการขยายความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงที่มีมายาวนานระหว่างสหรัฐและอิสราเอล
“การประกาศในครั้งนี้มีความสำคัญค่อนข้างมาก และครอบคลุมถึงพันธกิจเพื่อสกัดกั้นไม่ให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง และเพื่อรับมือการกระทำต่าง ๆ ของอิหร่านที่นำไปสู่การทำลายเสถียรภาพ โดยเฉพาะภัยคุกคามต่ออิสราเอล” เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าว
และยังกล่าวอีกว่า “หากอิหร่านต้องการลงนามข้อตกลงนิวเคลียร์ที่เคยเจรจากันที่กรุงเวียนนา เราก็ได้แสดงให้เห็นชัดเจนมาก ๆ แล้วว่า เราพร้อมที่จะลงนาม แต่หากอิหร่านยังไม่ยอม เราก็จะเดินหน้ากดดันด้วยการคว่ำบาตรต่อไป และจะใช้มาตรการโดดเดี่ยวทางการทูตกับอิหร่าน”
ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนเผชิญกับความท้าทายอย่างมากในการโน้มน้าวให้อิหร่านกลับมาเข้าร่วมข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ได้นำสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงในเดือนพ.ค. 2561
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปธน.ไบเดนเดินทางถึงอิสราเอลเมื่อวันพุธ (13 ก.ค.) และถือเป็นการเยือนตะวันออกกลางครั้งแรกในฐานะประธานาธิบดี โดยในวันนี้ ผู้นำสหรัฐได้ร่วมหารือกับบรรดาผู้นำประเทศของอิสราเอล และจะร่วมแถลงข่าวกับนายลาปิด
ส่วนในวันศุกร์ (15 ก.ค.) ปธน.ไบเดนจะพบกับบรรดาผู้นำปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงก์ ก่อนจะหารือร่วมกับผู้นำของซาอุดีอาระเบียและชาติพันธมิตรในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียในวันเสาร์นี้
3.*จีนจับตาแบงก์ชาติทั่วโลกแห่ขึ้นดอกเบี้ย และยังย้ำจุดยืนนโยบายการเงินรอบคอบ
ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศจับตาการดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกอย่างใกล้ชิด แต่ไม่ได้ส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยในจีน
“เรากำลังจับตาธนาคารกลางของประเทศขนาดใหญ่หลายแห่งที่พร้อมใจกันใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินในขณะนี้” นายโจว หลาน หัวหน้าฝ่ายนโยบายการเงินของ PBOC เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว โดยเขาไม่ได้ระบุชื่อของธนาคารกลางของประเทศใดอย่างเฉพาะเจาะจง
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ธนาคารกลางในหลายประเทศตั้งแต่สหรัฐไปจนถึงสิงคโปร์ ต่างก็หันมาใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน ยกเว้นธนาคารกลางจีนและญี่ปุ่นซึ่งยังคงใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย โดย ณ สิ้นเดือนมิ.ย. ดัชนีชี้วัดนโยบายการเงินโลกรายเดือนซึ่งจัดทำโดย Council on Foreign Relations (CFR) อยู่ที่ระดับ +3.99 ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับ -8.7 ในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
นายโจวกล่าวว่า PBOC ยังคงยึดแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินอย่างรอบคอบระมัดระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้มาตรการของธนาคารกลางในประเทศอื่น ๆ ส่งผลกระทบด้านลบต่อจีน โดยนโยบายของ PBOC นั้นรวมถึงการปรับระดับเงินสำรองสกุลเงินต่างประเทศของธนาคารพาณิชย์ และการจัดการเงินทุนหมุนเวียนข้ามพรมแดน
ทั้งนี้ นายโจวย้ำว่า นโยบายการเงินของจีนนั้น ส่วนใหญ่ถูกขับเคลื่อนโดยสถานการณ์ภายในประเทศ และระบุว่า สภาพคล่องในประเทศจีนมีมากเพียงพอจนถึงขั้นมีส่วนเกินเล็กน้อย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเล็กน้อยที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้เขายังกล่าวว่า PBOC จะเดินหน้าใช้นโยบายการเงินแบบรอบคอบระมัดระวังต่อไป และจะสนับสนุนการซื้อพันธบัตรเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
ข้อมูลอ้างอิงจาก – infoquest / TNN World / Reuters / Investing / Xinhua News
#MarketNews #ZFX #ZFXThailand