สรุปข่าวสำคัญประจำวันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม 2565
1.** เงินเฟ้ออังกฤษ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 40 ปี คาดธนาคารกลางจ่อเร่งเพิ่มดอกเบี้ย
ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหราชอาณาจักร ซึ่งสะท้อนภาวะเงินเฟ้อ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 40 ปีครั้งใหม่ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
โดยเพิ่มขึ้น 9.4% จากเดือนมิถุนายนปีก่อน เพิ่มแรงกดดันต่อธนาคารกลางสหราชอาณาจักร ที่อาจต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าปกติในเดือนสิงหาคม
โดยตัวชี้วัดภาวะเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักร เพิ่มขึ้น 9.4% มากที่สุดนับจากต้นปี 1982
สำนักงานสถิติแห่งชาติของสหราชอาณาจักร ระบุว่า ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นถึง 42% ต่อปี และราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นเกือบ 10% ต่อปี เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิถุนายนสูงที่สุดในรอบ 40 ปีครั้งใหม่
ขณะเดียวกัน สถานการณ์ราคาสินค้ายังคงปรับตัวขึ้นแซงหน้าค่าจ้างอย่างมาก โดยภาคครัวเรือนมีแนวโน้มเผชิญความยากลำบากมากยิ่งขึ้น เนื่องจากการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะพุ่งทะลุ 11% ในเดือนตุลาคมนี้ เมื่อมีการปรับขึ้นราคาพลังงานอีกครั้ง สร้างความกังวลให้กับหลายฝ่ายว่า เงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอาจทวีความรุนแรง หากการขึ้นค่าจ้างและต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นกดดันให้บริษัทต่าง ๆ ขึ้นราคาสินค้าอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ ธนาคารกลางสหราชอาณาจักร ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาแล้ว 5 ครั้งตั้งแต่เดือนธันวาคม 2021 หวังควบคุมอัตราเงินเฟ้อ โดยขึ้นครั้งหลังสุด 0.25% ในเดือนมิถุนายน เป็น 1.25% คาดว่าธนาคารกลางจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมนโยบายเดือนสิงหาคม
2.*แบงก์ชาติญี่ปุ่นคงนโยบายการเงินตามคาด-เพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อปีนี้สู่ 2.3%
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษ (Ultraeasy Monetary Policy) ในการประชุมวันนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด ขณะเดียวกัน BOJ ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้ เนื่องจากต้นทุนด้านพลังงานพุ่งขึ้นและเงินเยนอ่อนค่าลง
คณะกรรมการ BOJ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ -0.1% และคงเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีไว้ที่ประมาณ 0% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
โดยในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการ BOJ ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อของปีงบประมาณ 2565 โดยระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารสด จะขยายตัว 2.3% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1.9%
นอกจากนี้ BOJ ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีงบประมาณ 2565 ลงสู่ระดับ 2.4% จากเดิมที่ 2.9% เนื่องจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และปัญหาคอขวดในห่วงโซ่อุปทาน ยังคงเป็นปัจจัยฉุดเศรษฐกิจ
3.*จับตา การเข้าชิงตำแหน่ง นายกฯ อังกฤษคนใหม่ ระหว่าง ซูนัค – ทรัสส์
การลงคะแนนเลือกผู้แข่งชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เหลือสองคนสุดท้ายแล้ว ได้แก่ลิซ ทรัสส์ และริชี ซูนัค แข่งกัน หลังผ่านการแข่งขันรอบที่ 5 ในวันพุธ (20 กรกฎาคม) ส่วนผลการแข่งขัน จะประกาศผู้ชนะอย่างช้าสุดในวันที่ 5 กันยายน
ลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศจะเผชิญหน้ากับริชี ซูนัค อดีตรัฐมนตรีคลังของสหราชอาณาจักร ในการแข่งขันรอบสุดท้าย สรรหาผู้ที่จะเข้ามาแทนบอริส จอห์นสัน ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการแข่งขันที่สูสีมากขึ้น โดยผู้แข่งขันคนล่าสุดที่ตกรอบไปในวันพุธ (20 กรกฎาคม) คือเพนนี มอร์ดอนท์ รัฐมนตรีการค้าระหว่างประเทศ หลังได้รับเสียงสนับสนุนน้อยที่สุดจากสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมในรัฐสภา ในการแข่งขันรอบที่ 5
ซูนัคยังคงมีคะแนนมากที่สุด 137 คะแนน จากสมาชิกรัฐสภาของพรรคทั้งหมด 357 คน ขณะที่ ทรัสส์ ได้อันดับ 2 ที่ 113 คะแนน ส่วนมอร์ดอนท์ ได้คะแนนน้อยที่สุด 105 คะแนน ส่งผลให้ทรัสส์ และซูนัค จะได้ไปสู้กันต่อ เพื่อชิงหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล และนายกรัฐมนตรีด้วย
โดยผลการแข่งขันในรอบ 2 คนสุดท้ายนั้น จะตัดสินโดยสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมทั้งหมด มีกำหนดประกาศอย่างช้าที่สุดภายในวันที่ 5 กันยายน ซึ่งคาดว่า จอห์นสันที่ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม หลังเผชิญปัญหาอื้อฉาวหลายอย่าง และคณะรัฐมนตรีลาออกพร้อมกันหลายคน จะยังคงรักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปจนถึงช่วงเวลาดังกล่าว
สำหรับการลงมติรอบสุดท้าย จะเป็นการเลือกของสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมทั้งหมด ซึ่งมีอยู่ประมาณ 200,000 คน หรือ 0.3% ของประชากรสหราชอาณาจักร ที่จะลงคะแนนให้ผู้สมัครที่ตัวเองสนับสนุน โดยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ ผู้แข่งขันทั้งสองคนจะเริ่มจัดกิจกรรมต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งทั้งสองคนจะต้องถูกผู้ใช้สิทธิ์สอบถามเกี่ยวกับนโยบายของพวกเขา
จากนั้น สมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมจะเลือกผู้ชนะด้วยการลงคะแนนทางไปรษณีย์ ซึ่งผู้ชนะจะได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยอัตโนมัติ
ข้อมูลอ้างอิงจาก – infoquest / Reuters / TNN World / BBC
#MarketNews #ZFX #ZFXThailand