Fed มีฉันทามติคุมเข้มการเงินเชิงรุกต่อไป! : สรุปข่าว 28 ก.ย.
ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินนีแอโพลิสเปิดเผยในวันอังคาร (27 ก.ย.) ว่า เจ้าหน้าที่เฟดมีความคิดเห็นสอดคล้องกันที่จะทำทุกวิถีทางที่จำเป็น เพื่อฉุดเงินเฟ้อลง
ข่าว Forex วันนี้
1.**Fed มีฉันทามติคุมเข้มการเงินเชิงรุกต่อไป ด้วยความเร็วที่เหมาะสม
นายนีล แคชคารี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินนีแอโพลิสเปิดเผยในวันอังคาร (27 ก.ย.) ว่า เจ้าหน้าที่เฟดมีความคิดเห็นสอดคล้องกันที่จะทำทุกวิถีทางที่จำเป็น เพื่อฉุดเงินเฟ้อลง และเชื่อว่าตลาดการเงินเข้าใจในเรื่องนี้
“เฟดเตรียมดำเนินมาตรการคุมเข้มนโยบายการเงินอีกมากในอนาคต” นายแคชคารีให้สัมภาษณ์กับวอลล์สตรีท เจอร์นัล ไลฟ์ โดยอ้างอิงถึงการที่เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในช่วงที่ผ่ามา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐและแรงกดดันเงินเฟ้อ
“เรายึดมั่นต่อการฟื้นฟูเสถียรภาพเงินเฟ้อ แต่เรายอมรับด้วยว่าการคุมเข้มนโยบายการเงินมากเกินไปนั้นมีความเสี่ยงรออยู่ เมื่อพิจารณาถึงผลลัพธ์ที่ล่าช้า ดังนั้นผมจึงคิดว่าเรากำลังดำเนินการคุมเข้มการเงินเชิงรุกด้วยความเร็วที่เหมาะสม”
เฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 ในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ในการต่อสู้เงินเฟ้อที่ดุเดือดที่สุดในรอบ 40 ปี โดยนับจากนั้นมา ตลาด หุ้นสหรัฐ ก็เผชิญแรงเทขาย ขณะที่ สกุลเงินหลายสกุลทั่วโลกปรับตัวลดลง
นายแคชคารีแสดงความเชื่อมั่นว่า ตลาดการเงินสามารถปรับตัวรับเจตจำนงของ Fed ในการฉุดเงินเฟ้อลงได้แล้ว และนโยบายการเงินที่ตึงตัวอยู่แล้วในขณะนี้ จะต้องตึงตัวมากยิ่งขึ้นในอนาคต
“ขณะนี้เศรษฐกิจส่งสัญญาณแบบไร้ทิศทางให้แก่เรา แต่ผมเชื่อว่าเราจำเป็นต้องเดินหน้าคุมเข้มนโยบายการเงินจนกว่าจะได้เห็นหลักฐานที่ชัดเจนว่า แนวโน้มเงินเฟ้อที่ขณะนี้เคลื่อนไหวที่ระดับสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟดถึง 3 เท่านั้น เริ่มปรับตัวลดลง”
2.**หยวนอ่อนค่าที่สุดในรอบ 14 ปี แบงก์ชาติจีนอาจต้องชะลอนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย
เงินหยวน ในตลาดจีนและตลาดต่างประเทศอ่อนค่าทะลุระดับ 7.2 หยวนต่อดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับที่หยวนอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2551 หรือในรอบ 14 ปี
นักวิเคราะห์ของซิติก ซีเคียวริตีส์ และเทียนเฟิง ซีเคียวริตีส์เปิดเผยว่า หยวนอ่อนค่าลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์แตะ 7.2162 หยวนต่อดอลลาร์ในการซื้อขายที่ตลาดต่างประเทศเช้านี้ ซึ่งบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) อาจจะชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ การปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR)
ทั้งนี้ การชะลอการใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินของธนาคารกลางจีนนั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อความพยายามของรัฐบาลจีนในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ทรุดตัวลง
บรรดานักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในปี 2565 จะชะลอตัวลงสู่ระดับ 3.4% ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบกว่า 40 ปี
ในขณะเดียวกัน อีกมุมมองหนึ่ง จีนยังต้องเผชิญแรงกดดันเพิ่มขึ้น หากยังคงมีการรักษาเสถียรภาพการนำเข้า-ส่งออกสินค้า
นายหวัง โซวเหวิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์จีนแถลงที่กรุงปักกิ่งในวันนี้ (27 ก.ย.) ว่า จีนกำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้นในการรักษาเสถียรภาพด้านการนำเข้าและส่งออกสินค้า โดยอุปสรรคสำคัญคืออุปสงค์จากต่างประเทศที่เติบโตชะลอตัวลง
ในวันเดียวกัน กระทรวงฯ ได้ออกมาตรการหลายประการเพื่อรักษาเสถียรภาพให้กับภาคการค้าต่างประเทศ รวมถึงการส่งเสริมการส่งออกรถยนต์มือสองในบางพื้นที่
3.**Apple ยกเลิกแผนเพิ่มการผลิต iPhone เหตุดีมานด์สะดุด
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า บริษัทแอปเปิล (Apple) อิงค์ตัดสินใจระงับแผนเพิ่มการผลิต ไอโฟน (iPhone) รุ่นใหม่ในปีนี้ หลังจากอุปสงค์ไม่เพิ่มขึ้นตามที่เคยคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ แหล่งข่าวเปิดเผยว่า แอปเปิลได้แจ้งให้บรรดาซัพพลายเออร์ระงับแผนเพิ่มการประกอบผลิตภัณฑ์ตระกูล iPhone 14 มากถึง 6 ล้านเครื่องในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยแอปเปิลเปลี่ยนใจมาผลิตโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้เพียง 90 ล้านเครื่องในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งใกล้เคียงกับระดับของปีก่อนหน้า และสอดคล้องกับการคาดการณ์แรกของแอปเปิลในฤดูร้อนนี้
แหล่งข่าวบางรายระบุว่า ความต้องการโทรศัพท์มือถือรุ่นไอโฟน 14 โปร (iPhone 14 Pro) นั้น แข็งแกร่งกว่ารุ่นปกติ แม้ว่าจะมีราคาแพงกว่าก็ตาม โดยซัพพลายเออร์ายหนึ่งต้องเปลี่ยนจากการผลิตไอโฟนรุ่นราคาย่อมเยาเป็นรุ่นที่มีราคาแพงแทน
อย่างไรก็ตาม โฆษกแอปเปิลปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อเรื่องดังกล่าว
ย้อนไปในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนการเปิดตัวไอโฟน 14 แอปเปิลได้เพิ่มคาดการณ์ยอดขายโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นดังกล่าว โดยซัพพลายเออร์บางรายได้เริ่มเตรียมความพร้อมรองรับคำสั่งซื้อที่อาจเพิ่มขึ้น 7%
ขณะที่ บริษัทเจฟฟรีส์เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ 26 ก.ย.ว่า จีน ซึ่งเป็นตลาดสมาร์ตโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลก ตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจซบเซาจนส่งผลกระทบต่อบรรดาผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือภายในประเทศและยอดขายไอโฟน โดยยอดซื้อโทรศัพท์มือถือตระกูลไอโฟน 14 ในช่วง 3 วันแรกของการวางจำหน่ายในจีน ปรับตัวลดลง 11% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ด้านไอดีซี ซึ่งเป็นผู้ติดตามตลาด ระบุว่า อีกปัจจัยที่กดดันอุปสงค์โทรศัพท์มือถือทั่วโลกคือเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงความหวั่นวิตกเรื่องเศรษฐกิจถดถอย และภาวะติดขัดที่เกิดจากสงครามในยูเครน โดยตลาดสมาร์ตโฟนมีแนวโน้มหดตัวลง 6.5% ในปีนี้ สู่ระดับ 1.27 พันล้านเครื่อง
ความสำเร็จของโทรศัพท์มือถือไอโฟนหมายถึงความสำเร็จของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในวงกว้าง เนื่องจากซัพพลายเออร์ ซึ่งรวมถึง บริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง โค (TSMC) และหงไห่ พรีซิชั่น อินดันทรีย์ โค ต่างก็พึ่งพายอดขายไอโฟน และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในฐานะปัจจัยขับเคลื่อนรายได้หลัก
*****************************
อ่านข่าวรวม กดที่ลิ้งค์ : /th/market-news/
*****************************
ข้อมูลอ้างอิง – infoquest / Reuters / Bloomberg News / Investing
#MarketNews #ZFX #ZFXThailand #US #USD #เงินเฟ้อ #Gold #ทอง #เงินเฟ้อ #อัตราเงินเฟ้อ #Investing #Bloomberg #Forexวันนี้ #ทองคำวันนี้ #แนวโน้ม #ตลาดหุ้น #ตลาดทอง #ตลาดทองคำ #สหรัฐฯ #นโยบาย #ดอกเบี้ย #อัตราดอกเบี้ย #ประกาศดอกเบี้ย #ดบ. #Fed #เฟด #Covid-19 #โควิด #iphone #iphone14 #apple #แอปเปิล #TSMC #ไอโฟน #GDP #หุ้นสหรัฐ #bluechipstock