ตลาดจับตา! BOJ อาจแทรกแซงตลาด FX หลัง เยนร่วงใกล้ 140 เยน/ดอลลาร์
ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยสภาธุรกิจ สหรัฐ-จีน (US-China Business Council) พบว่า มุมมองเชิงบวกที่บริษัทสหรัฐมีต่อ จีน นั้น ลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากมาตรการ โควิด เป็นศูนย์ที่ริเริ่มโดยประธานาธิบดี สี จิ้นผิง
ข่าว Forex ที่น่าสนในวันนี้
1.**เยนร่วงใกล้ระดับจิตวิทยาที่ 140 เยน/ดอลล์ คาดส่งผล BOJ อาจแทรกแซงตลาด FX
เงินเยน ทรุดตัวลงใกล้แตะระดับทางจิตวิทยาที่ 140 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้มีกระแสคาดการณ์ว่าทางการญี่ปุ่นอาจจะเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อพยุงค่าเงินเยน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า หากเงินเยนทรุดตัวลงแตะระดับ 140 เยนต่อดอลลาร์ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 24 ปี ก็อาจทำให้กระทรวงการคลังญี่ปุ่น, ธนาคารกลางญี่ปุ่น ( BOJ ) และสำนักงานบริการด้านการเงินของ ญี่ปุ่น ( FCA ) จัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อใช้มาตรการแทรกแซงตลาด เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในเดือนมิ.ย.ปีนี้
เงินเยนร่วงลงเกือบ 4% แล้วในเดือนนี้ และเคลื่อนไหวที่ระดับ 138.50 เยนต่อดอลลาร์ในช่วงเช้านี้ เนื่องจากเทรดเดอร์เริ่มหันมาจับตาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก หลังจาก Fed หรือ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
นายเดวิด หลู ผู้อำนวยการบริษัทเอ็นบีซี ไฟแนนเชียล มาร์เก็ตส์ เอเชียกล่าวว่า “มีความเป็นไปได้ว่าทางการญี่ปุ่นจะเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราในขณะที่เงินเยนดิ่งลงใกล้ระดับ 140 เยนต่อดอลลาร์ แต่ผมเชื่อว่าการแทรกแซงดังกล่าวอาจจะไม่มีประสิทธิภาพมากนักในเวลานี้
เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างมากเนื่องจากมุมมมองด้านนโยบายการเงินของเจ้าหน้าที่เฟด
นายพาวเวลกล่าวในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮลเมื่อวันศุกร์ (26 ส.ค.) ว่า ภารกิจของเฟดในการต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่เสร็จสิ้น โดยเฟดจะยังคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐ
นอกจากนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดยังคงจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และเฟดจะไม่ตัดทางเลือกในการ “ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่มากกว่าปกติ” ในเดือน ก.ย.
2.*ญี่ปุ่นประกาศจับตาจีน!
นางซานาเอะ ทาคาอิชิ รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นซึ่งเพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าวในเดือนนี้ เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นจะจับตาความเคลื่อนไหวของประเทศต่าง ๆ “รวมถึง จีน ” อย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ตามนโยบายของนายฟูมิโอะ คิชิดะ
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซึ่งยกให้ความมั่นคงทางเศรษฐกิจเป็นข้อกำหนดพื้นฐานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นางทาคาอิชิเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นผู้ที่มีแนวคิดแข็งกร้าวต่อจีน โดยเธอเข้ามาดำรงตำแหน่งในช่วงที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐยังคงตึงเครียด ส่วนวิกฤติรัสเซีย-ยูเครนก็ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ นางทาคาอิชิเปิดเผยว่า ญี่ปุ่นจำเป็นต้องเสริมความแข็งแกร่งให้กับซัพพลายเชนเซมิคอนดักเตอร์ โดยอาศัยความร่วมมือกับชาติพันธมิตร เช่น สหรัฐ
อย่างไรก็ดี นางทาคาอิชิยังไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติม โดยก่อนหน้านี้ ทางการญี่ปุ่นเคยประกาศจัดสรรงบประมาณให้กับบริษัทย่อยของบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ เมนูแฟคเจอริง โค ( TSMC ) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก
เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการเดินหน้าก่อสร้างโรงงานผลิตชิปที่กำลังก่อสร้างอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น
นางทาคาอิชิกล่าวว่า “เราเริ่มเห็นบริษัทหลายแห่งย้ายฐานการผลิตกลับญี่ปุ่น” ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีเมื่อมองในแง่ของความมั่นคงทางเศรษฐกิจ แต่ญี่ปุ่นจำเป็นต้องให้การสนับสนุนเพียงพอ
*ความเชื่อมั่นของบริษัทสหรัฐในจีนลดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยสภาธุรกิจ สหรัฐ-จีน (US-China Business Council) พบว่า มุมมองเชิงบวกที่บริษัทสหรัฐมีต่อจีนนั้น ลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากมาตรการโควิดเป็นศูนย์ที่ริเริ่มโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ส่งผลให้บริษัทจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ดำเนินธุรกิจในประเทศจีน ต้องชะลอหรือยกเลิกการลงทุนในจีน
ผลสำรวจระบุว่า การใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค โควิด -19 ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับบริษัทสหรัฐที่เข้าไปลงทุนในประเทศจีนมากกว่าความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐ โดยบรรดาบริษัทที่เข้าร่วมการสำรวจครั้งนี้ มีเพียง 51% เท่านั้นที่แสดงมุมมองด้านบวกต่อแนวโน้มธุรกิจในระยะเวลา 5 ปีในประเทศจีน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวลดลงจาก 69% ในการสำรวจเมื่อปีที่แล้ว
สภาธุรกิจสหรัฐ-จีน ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนตัวแทนของบริษัทสหรัฐกว่า 270 แห่งที่ดำเนินธุรกิจในจีนระบุว่า “มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าบริษัทสหรัฐในจีนจะถูกบังคับให้ต้องระงับการผลิตบางส่วนภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ และการใช้มาตรการควบคุมนี้จะส่งผลกระต่ออุปสงค์ของผู้บริโภค ซึ่งจะบั่นทอนความเชื่อมั่นด้านการลงทุนในภาคธุรกิจ โดยบริษัทสหรัฐจำนวนมากถึง 96% ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์คุมโควิด และมีบริษัทมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ต้องระงับหรือเลื่อนแผนการลงทุนในจีนออกไป”
นอกจากนี้ ผลการสำรวจระบุว่า การลงทุนใหม่โดยบริษัทสหรัฐในจีนนั้นคาดว่าจะชะลอตัวลงในปี 2566 เนื่องจากผลกระทบของมาตรการควบคุมโควิด-19 และนโยบายอื่น ๆ ของจีน ซึ่งรวมถึงมาตรการด้านข้อมูลและความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความยากลำบากในการขายผลิตภัณฑ์ให้กับหน่วยงานของรัฐ
*****************************
อ่านข่าวรวม กดที่ลิ้งค์ : /th/market-news/
*****************************
ข้อมูลอ้างอิง – infoquest / Reuters / Investing / Bloomberg News
#MarketNews #ZFX #ZFXThailand #US #USD #เงินเฟ้อ #สหรัฐ #ดอกเบี้ย #Powell #พาวเวล #แจ็กสันโฮล #Jackson #QT #Gold #ทอง #จีน #FED #เฟด #Covid #โควิด #BOJ #อัตราดอกเบี้ย #BOJ #ธนาคารกลาง #ญี่ปุ่น #Investing #Bloomberg #Forexวันนี้ #ทองคำวันนี้ #แนวโน้ม